ในคดีอาญานั้น บางข้อหาเป็นความผิดต่อส่วนตัว จำเลยกับผู้เสียหายหรือโจทก์อาจจะตกลงกันเพื่อเยียวยาชดใช้ความเสียหายและสามารถดำเนินการถอนฟ้องหรือถอนคำร้องทุกข์ไปได้ แต่ในบางข้อหาที่ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้นั้น เมื่อได้มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้วโจทก์หรือผู้เสียหายไม่สามารถถอนฟ้องหรือถอนคำร้องทุกข์ได้ ทำให้ศาลต้องมีคำพิพากษาตัดสินเพื่อลงโทษจำเลย แต่อย่างไรก็ตามจำเลยก็ยังมีวิธีที่สามารถดำเนินการเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการรอการลงโทษจำเลย หรือลดโทษได้ดังนี้
1.เยียวยาความเสียหายจนเป็นที่พอใจ ในคดีอาญาที่การกระทำความผิดของจำเลย กระทบต่อบุคคลที่เป็นผู้เสียหาย เงื่อนไขหลักที่ศาลจะใช้เป็นดุลพินิจสำคัญในการรอการลงโทษของจำเลยนั้นคือการชดใช้ เยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนผู้เสียหายพอใจ หรือชดใช้ความเสียหายตามสมควร เช่น ในคดีลักทรัพย์หากจำเลยได้คืนทรัพย์หรือชดใช้ราคาทรัพย์แล้ว คดีประมาททำให้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต และจำเลยได้เยียวยาชดใช้ความเสียหายจนผู้เสียหายหรือทายาทของผู้ตายไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว แบบนี้มีโอกาสที่ศาลจะใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำเลยมากขึ้น
ส่วนในกรณีที่ จำเลยประสงค์ที่จะเยียวยาความเสียหายแต่จำนวนเงินยังไม่เป็นที่พอใจของผู้เสียหายนั้น จำเลยก็ควรจะต้องวิเคราะห์ โดยการคำนึงถึงค่าเสียหายที่ตนได้วางเพื่อชดใช้นั้นสอดคล้องและสมเหตุสมผลกับความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลอาจใช้ดุลพินิจตรงนี้ในการรอการลงโทษจำเลยได้เช่นกัน
2.จำเลยได้กระทำการอันเป็นประโยชน์แก่กระบวนการพิจารณาคดี กล่าวคือการให้การรับสารภาพเพื่อทำให้เป็นประโยชน์แก่กระบวนพิจารณาคดีนั้นเอง นอกจากนี้ อาจชี้หรือแสดงให้เห็นว่าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนรวมถึงการให้การอันเป็นประโยชน์แก่คดีด้วย ลักษณะเช่นเดียวกับกรณีตามพ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 นั่นเอง
ซึ่งหากเป็นคดีที่มีการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญารายละเอียดการให้การอันเป็นประโยชน์ในส่วนนี้
หากจำเลยให้การรับสารภาพก็จะปรากฏอยู่ในสำนวนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องนำสืบขยายผลอย่างเช่น ตามที่กำหนดไว้ได้เพราะยาเสพติด
3.สืบเสาะความประพฤติ หากจำเลยมีสภาพแวดล้อม ทั้งในการศึกษา การทำงาน สุขภาพ ประวัติทางคดี รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวที่เห็นว่าเป็นประโยชน์และศาลอาจเมตตาใช้ดุลพินิจรอการลงโทษได้ ก็ควรทำคำร้องขอให้ศาลสั่งสืบเสาะความประพฤติของจำเลยก่อนมีคำพิพากษาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่งานฯจะทำบันทึกไปตามความจริงและอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบดุลพินิจที่ศาลจะรอการลงโทษจำเลยได้
4.จำเลยไม่เคยมีประวัติในการกระทำความผิดมาก่อน ในส่วนของคดีอาญาที่มีอัตราโทษไม่สูงนักและไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือความผิดที่กระทบต่อคนในส่วนมากนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดครั้งแรก มักมีโอกาสที่ศาลจะรอการลงโทษสูงกว่าบุคคลที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกซึ่งหากในสำนวนการฟ้องของพนักงานอัยการหากไม่ปรากฏประวัติการกระทำความผิดของจำเลย จำเลยก็สามารถยกข้อเท็จจริงในส่วนนี้ขึ้นแสดงให้ศาลเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำเลยได้
5.ปัญหาด้านสุขภาพ ในกรณีคดีอาญาที่โทษไม่สูงความผิดไม่ร้ายแรง องค์ประกอบอีกส่วนหนึ่งที่อาจจะทำให้ศาลใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำเลยได้ ก็คือในเรื่องของสุขภาพของจำเลย หากเห็นว่าการที่จะลงโทษจำคุกจำเลยนั้นจะเป็นผลเสียหรืออันตรายต่อสุขภาพซึ่งอาจถึงขั้นแก่ชีวิตได้นั้น จำเลยสามารถยกขึ้น เพื่อเป็นเหตุผลประกอบได้ ทั้งนี้ควรมีเอกสารประกอบที่น่าเชื่อถือเช่นใบรับรองแพทย์
6.ความเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ในกรณีที่จำเลยเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้ทำงาน
หาเลี้ยงดูบุคคลอื่นในครอบครัว แม้กระทั่งกรณีที่ครอบครัวมีภาระหนี้สินจำนวนมากและการลงโทษจำคุกจำเลยอาจจะให้เกิดผลเสียนอกจากตัวจำเลยแล้วยังกระทบไปยังครอบครัวนั้นก็อาจยกมาเป็นเหตุปัจจัยรองเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจรอการลงโทษได้โดยเหตุผลดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ความผิดไม่ร้ายแรงหรือผ่านการเยียวยาผู้เสียหายตามสมควรแล้วเช่นกัน
7.ทำคำแถลงประกอบคํารับสารภาพเพื่อการลงโทษสถานเบาในกรณีที่จำเลยมีเหตุผลดังกล่าวข้างต้นเพื่อที่จะให้ศาลใช้ดุลพินิจรอการลงโทษ นั้นจำเลยควรจะเรียบเรียงเป็นคําแถลงประกอบคํารับสารภาพ เพื่อขอให้ลงโทษในสถานเบาหรือรอการลงโทษโดยให้ทำในแบบฟอร์มคำร้อง ซึ่งจำเลยสามารถเขียนบรรยายเองหรือจะให้ทนายความเขียนให้ก็ได้ โดยในข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นอ้างนั้นควรมีเอกสารประกอบเสมอ อย่างเช่นหากยกข้ออ้างเรื่องปัญหาด้านสุขภาพ ก็ควรจะมีใบรับรองแพทย์ประกอบในคำแถลงดังกล่าวด้วย โดยควรยื่นคำแถลงดังกล่าวในเวลาตามสมควรเพื่อให้ผู้พิพากษามีโอกาสได้อ่านคำแถลงนั้นก่อนที่จะเขียนคำพิพากษา
8.ดูอัตราโทษและความร้ายแรงของข้อหาประกอบ ในกรณีที่ศาลจะใช้ดุลพินิจรอการลงโทษหรือไม่ให้ลงโทษจำเลยในสถานเบานั้นจะต้องดูข้อหาและความร้ายแรงในการกระทำของจำเลยประกอบด้วย ซึ่งหากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หรือกระทบต่อบุคคลจำนวนมากโอกาสที่จะรอการลงโทษนั้นก็จะมีน้อยอาจจะทำได้แค่เพียงให้ศาลลดโทษลงเท่านั้น โดยอยู่ที่ข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์แต่ละคดี
โดยคำแนะนำดังกล่าวเบื้องต้นนั้นอยู่ที่พฤติการณ์กระทำรวมถึงประวัติของจำเลยประกอบด้วย และรวมถึงการเยียวยา
ผู้เสียหายของจำเลยเป็นหลัก แต่หากในกรณีศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยก็ยังมีโอกาสที่จะอุทธรณ์เพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษหรือรอการลงโทษจำเลยภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี