ผับพัทยาลุ้นมติครม.
เปิดให้บริการถึงตี4
นายกสมาคมนักธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองพัทยาขานรับ เปิดผับถึงตี 4 จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขณะที่ ททท.คาดการณ์ ในปี 2566จะมีนักท่องเที่ยว มาเยือนประเทศไทยถึง 18 ล้านคน สร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 1.73 ล้านล้านบาท
จากที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเตรียม เสนอแนวทางขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. จากเดิม 02.00 น. ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในการประชุมนัดวันที่ 15 พ.ย. ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 หากได้รับการอนุมัติจาก ครม. และกระทรวงมหาดไทยสามารถออกข้อยกเว้นได้ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะขณะนี้มีความพร้อมอยู่แล้ว พื้นที่โซนนิ่งที่เสนอให้ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ได้แก่ ถนนบางลาในภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย เมืองพัทยา 3 พื้นที่ในกรุงเทพฯ คือ ถนนข้าวสาร ซอยคาวบอย และซอยพัฒน์พงษ์เพราะเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ
นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวพัทยา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ซึ่งนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาส่วนใหญ่จะเที่ยวกันตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถ้าปิดเที่ยงคืน ถึงตี 2 ทำให้มีเวลาน้อย ทำให้เม็ดเงินที่สถานบันเทิงเมืองพัทยาจะได้มีน้อย ถ้าขยายเวลาปิดตี 4 ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวมีเวลาใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น ตนคิดว่าหน่วยงานราชการในพื้นที่เมืองพัทยา อาทิเช่น ตำรวจ ปกครอง มีความพร้อมหากมีการขยายเวลา หน่วยงานราชการก็ต้องมีการปรับตัว ตนมองว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นตลาดหยักของเมืองพัทยา แต่นักท่องเที่ยวจียยังไม่เดินทางมาท่องเที่ยวจึงมองตลาดใหม่ อย่างตลาดนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งตอนนี้ก็ต้องเพิ่งตลาดนักท่องเที่ยวไทยไปก่อน ทำให้ภาคธรุกิจต่างๆต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวของตลาดนักท่องเที่ยวไทย ก็จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เน้นไปยังกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวไทย และรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจีน หากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาก็จะมีการรองรับตลากนักท่องเที่ยวจีนทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่เมืองพัทยาดีขึ้น
นายบุญอนันต์ กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจในเมืองพัทยาเริ่มกลับมา 80 -90 เปอร์เซ็นต์ ถ้านักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นไปอีก เมืองพัทยายังคงเป็นที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในหลายกลุ่มซึ่งทำให้ภาคเอกชนที่ไปออกบูธต่างประเทศก็ยังคงได้เสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่ดี แต่ตอนนี้ก็จะต้องเน้นนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้คาดการณ์ให้ในปี พ.ศ. 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย เป็นจำนวนกว่า 18 ล้านคน
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า จากข้อมูลของ ททท. คาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนประเทศไทยเป็นจำนวน 18 ล้านคน ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท ส่วนการประมาณการตลาดในประเทศ ททท.คาดว่าจะสร้างรายได้ 7.6 แสนล้านบาท รวมรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งสิ้นประมาณ 1.73 ล้านล้านบาทตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ต.ค.65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 7.56 ล้านคน และในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยอีกราวเดือนละอีก 1.5 ล้านคน ดังนั้นในปีนี้ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ (พ.ศ. 2565) คาดว่าจะมีไฟล์ทบินมาประเทศไทยถึง 15,778 ไฟล์ท โดยตลาดนักท่องเที่ยวจากอินเดีย และมาเลเซียมีอัตราส่วนผู้โดยสารต่อไฟล์ทบินถึงร้อยละ 85 และร้อยละ 68 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากอาเซียน เอเชียใต้ และเอเชียแปซิฟิกสูงถึง 4.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 54 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในปีนี้ ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกได้กลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งเป็นจำนวนกว่า 8 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งนี้ในปีหน้า ตลาดการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“นายกรัฐมนตรียินดีที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญ นิยมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยือน และสามารถต่อสู้ทางการตลาดกับประเทศอื่นๆได้อย่างมีศักยภาพ แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มทยอยฟื้นตัวจากโควิด และเปิดรับนักท่องเที่ยวกันแล้วก็ตาม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อให้การบริการและรองรับการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการตรวจเอกสารสำคัญของผู้เดินทางในด่านแรก ทั้งขาเข้าและขาออก เช่น สนามบินต่างๆ โดยให้เพิ่มช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เดินทาง ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติและผู้ใช้บริการให้รวดเร็วและคล่องตัว นอกจากนี้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินงานตอบรับตามแนวนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งขอบคุณประชาชนทุกคนที่มีส่วนร่วม ทำให้ไทยมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว รักษากระแสความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง” นายอนุชา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี