สปสช.เผยผู้ป่วยและสถานพยาบาลตอบรับนโยบายส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ ระบุปี 2565 มีรพ.ร่วมโครงการ 219 แห่ง ส่งยาถึงบ้านผู้ป่วยบัตรทองกว่า 5.5 แสนครั้ง เล็งดำเนินการต่อเนื่องในปี’66เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย รองรับชีวิตวิถีใหม่
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังเปิดบริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์
ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายยกระดับ การให้บริการรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” โดยเกิดขึ้นในปี 2563 ช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการรับเชื้อให้กับผู้ป่วยและลดการแพร่ระบาดของโรค สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนดำเนินการ และร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด วางระบบจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ถึงมือผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว พร้อมได้รับความร่วมมือจากหน่วยบริการ
ทั้งนี้ การดำเนินการ 2 ปีที่ผ่านมา นโยบายเพื่อบริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ปรากฏว่าได้รับการตอบรับด้วยดี ทั้งจากผู้ป่วยและหน่วยบริการ นอกจากลดเวลาการรอรับยาให้ผู้ป่วยแล้ว ยังช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมทั้งเป็นการวางระบบการให้บริการทางการแพทย์ในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่อย่างครบวงจร อย่างการจัดระบบบริการแพทย์ทางไกล หรือเทเลเมดิซีน (Telemedicine) พร้อมการส่งยาและเวชภัณฑ์ให้กับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับยาต่อเนื่อง
นพ.จเด็จกล่าวต่อว่า จากการรายงานข้อมูลบริการผ่านระบบแดชบอร์ดของ สปสช. (NHSO Dashboard) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564-2565 ช่วง 2 ปี มีโรงพยาบาลที่ร่วมบริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ 265 แห่ง มีผู้ป่วยรับบริการ 729,964 คน หรือเป็นจำนวน 1,249,415 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 62,445,356 บาท
“เฉพาะข้อมูลในปีงบประมาณ 2565 ล่าสุด มีโรงพยาบาลที่ร่วมบริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ 219 แห่ง มีผู้ป่วยรับบริการ 291,305 คน หรือเป็นจำนวน 549,092 ครั้ง รวมเป็นงบประมาณจำนวน 27,429,776 บาท เมื่อแยกข้อมูลการบริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ตามกลุ่มโรค 10 อันดับแรก ได้แก่ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 66,936 ราย เบาหวาน 35,555 ราย เอชไอวี 12,479 ราย หอบหืด 7,310 ราย ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 5,568 ราย ต่อมลูกหมากโต 5,568 ราย สมาธิสั้น 4,499 ราย ลมชัก 4,281 ราย โรคหัวใจ 4,234 ราย และจิตเวชเรื้อรัง 3,538 ราย” นพ.จเด็จกล่าว
และว่า สำหรับ 5 จังหวัดที่ให้บริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์มากที่สุดคือ เชียงราย 107,531 ราย กรุงเทพมหานคร 104,614 ราย สุราษฎร์ธานี 68,414 ราย เชียงใหม่ 68,235 ราย และบุรีรัมย์ 49,559 ราย ส่วนโรงพยาบาลที่ร่วมบริการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์สูงสุด 5 อันดับแรก คือ โรงพยาบาล (รพ.) สวนสราญรมย์ จ.สุราษฎร์ธานี 33,285 ครั้ง ดูแลผู้ป่วย 7,319 ราย, รพ.พาน จ.เชียงราย 30,001 ครั้ง ดูแลผู้ป่วย 14,610 ราย, รพ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 18,845 ครั้ง ดูแลผู้ป่วย 6,638 ราย, รพ.ชัยภูมิ 17,589 ครั้ง ดูแลผู้ป่วย 8,165 ราย และ รพ.สกลนคร 17,101 ครั้ง ดูแลผู้ป่วย 7,140 ราย
นพ.จเด็จกล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 สปสช.ยังคงสนับสนุนบริการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นบริการที่เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยโดยตรง รองรับวิถีชีวิตใหม่ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไกลที่เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่สามารถเข้าถึงบริการ ได้รับการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน บริการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ แม้ว่าเป็นบริการฉุกเฉินที่เกิดในช่วงภาวะโรคระบาด แต่ด้วยประโยชน์ที่เกิดกับผู้ป่วย สปสช.จึงนำมาสู่การต่อยอดและพัฒนาระบบบริการที่เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการให้กับผู้ป่วย พร้อมรองรับการจัดระบบบริการที่สอดคล้องวิถีชีวิตใหม่ และด้วยจำนวนการรับบริการปีละกว่า 5 แสนครั้งต่อปี หมายถึงการช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายเดินทางให้ผู้ป่วย รวมถึงลดความแออัดในโรงพยาบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี