นครศรีฯระทึก
น้ำป่าทะลักสิชลท่วมวัด-รร.
หาดใหญ่ผวาซ้ำรอยจมเมือง
มาแล้ว‘เหมยขาบ’แรกของปี
“นายกฯ” ห่วงน้ำท่วมใต้ สั่งเร่งเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยขณะที่หลายจว.เผชิญฝนตกหนักน้ำป่าทะลักท่วม อย่างต.ฉลุง อ.หาดใหญ่เจอน้ำป่าโตนปลิวไหลท่วมไม่ทันตั้งตัวกลางดึก ข้าวของเสียหาย ส่วนอ.สิชล นครศรีธรรมราช น้ำป่าซัดสะพานขาด ท่วมวัด – 2 รร.ต้องปิดเรียน ขณะที่นักท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ตื่นเต้นได้สัมผัส “เหมยขาบ”แรกของหน้าหนาวปีนี้ อุณหภูมิต่ำสุด 4 องศา แนวโน้มลดต่ำลงต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคใต้ขณะนี้ว่า ตนเป็นห่วง ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าฝนบ้านเราเริ่มจากทางเหนือ ภาคกลางและลงสู่ภาคใต้ ขณะนี้ภาคกลาง ภาคเหนือเริ่มลดระดับลงมากแล้ว ตนเร่งรัดเรื่องการดูแลเยียวยาช่วยเหลือการทำความสะอาด ต้องขอบคุณ ภาคเอกชนประชาสังคมที่มาช่วยดูแลประชาชนที่เดือดร้อน มีการบริจาคช่วยเหลือมากมาย รวมถึงมูลนิธิต่างๆ ขณะนี้เร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่ระดับน้ำลดลง
น้ำป่าทะลักท่วมต.ฉลุงหาดใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้หลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง ที่จ.สงขลา หลังฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายอำเภอในพื้นที่ ซึ่งเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาน้ำป่าจากน้ำตกโตนปลิว ในพื้นที่เทือกเขาแก้ว อ.รัตภูมิ จ.สงขลาไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนบ้านกลาง หมู่ 1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่อย่างรวดเร็ว เป็นมวลน้ำที่ไหลทะลักท่วมถนนในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ทันตั้งตัวต่างไม่คิดว่าจะมีน้ำป่าไหลเข้าท่วมเร็วขนาดนี้ บ้านหลายหลังถูกน้ำท่วมสูง สิ่งของในบ้านที่ขนย้ายไม่ทันก็ถูกน้ำท่วมเสียหาย อย่างไรก็ตาม น้ำที่ไหลเข้าท่วมเป็นลักษณะมวลน้ำก้อนเดียวและไหลมาเร็วไปเร็ว เมื่อน้ำท่วมผ่านไป 2 ชั่วโมงก็เริ่มลดลง แต่ชาวบ้านเฝ้าระวังตลอดคืน เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ
อ.รัตภูมิหนักสุด5ตำบลอ่วม
สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในจ.สงขลาขณะนี้ พื้นที่ ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เนื่องจากเกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมใน 5 ตำบล 43 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,225 ครัวเรือน 4,120 คน แยกเป็นต.เขาพระ 12 หมู่บ้าน ต.กำแพงเพชร 7 หมู่บ้าน ต.ท่าชะมวง 8 หมู่บ้าน ต.คูหาใต้ 10 หมู่บ้าน และต.ควนรู 6 หมู่บ้าน
สิชนสะพานขาด-2รร.ปิดเรียน
ที่จ.นครศรีธรรมราช เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายอำเภอ ทำให้น้ำป่าไหลบ่าเขาท่วมต.เทพราช ต.เสาเภา และ ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล เป็นบริเวณกว้าง คอสะพานคลองท่าน้อย (ล่าง) หมู่ 13 เสาเภา อ.สิชล ถูกน้ำป่าไหลกัดเซาะจนคอสะพานขาด ขณะที่น้ำไหลบ่าท่วมโบสถ์และกุฏิเจ้าอาวาส วัดปัณณาราม ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล รวมทั้งท่วมโรงงานผลิตโฟมสิชล พื้นที่การเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา หมู่ 1 ทุ่งปรัง ทำให้โรงเรียนสิชลคุณาธารวิทยา โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ประกาศปิดการเรียนการสอนวันนี้ (7 พฤศจิกายน) เพราะเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมในโรงเรียน เส้นทางถูกตัดขาด ทำให้การเดินทางของนักเรียนและบุคลากรยากลำบากและอันตราย นอกจากนี้ น้ำป่าจากเทือกเขาหลวงไหลท่วมหมู่ 15 ต. เทพราช โดยเฉพาะวังด้ง หมู่ 15 ต.เทพราช อ.สิชล เส้นทางไปวัดเจดีย์ ต.ฉลอง ถูกน้ำท่วมขังสูง 20-40 เซนติเมตรบางจุดรถเล็กผ่านไม่ได้
นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชสั่งทุกอำเภอติดตามสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากใกล้ชิด ให้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนเคลื่อนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูง หากในพื้นที่ใดประสบอุทกภัย ให้เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย
มาแล้ว เหมายขาบ”แรกของปี
วันเดียวกัน ทางภาคเหนือเริ่มได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิลดต่ำลงต่อเนื่อง เวลา 7.00 น. ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุณหภูมิลดลงทำให้อากาศหนาวเย็น และเกิดปรากฏการณ์ เหมยขาบ หรือ น้ำค้างแข็ง เกาะบนยอดหญ้า บริเวณลานจอดรถหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ อน.5 (ยอดดอย) ถือเป็นปรากฏการณ์ เหมยขาย หรือน้ำค้างแข็งครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นอย่างยิ่ง ต่างถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอุณหภูมิที่ยอดดอยอินทนนท์นั้น ต่ำสุดอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส ส่วนที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส และที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส บริเวณถนนหน้าทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มีนักท่องเที่ยวยืนรับลมหนาวจำนวนมาก ซึ่งสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน มีประมาณ 3,637 คน เป็นคนไทย 2,884 คน ชาวต่างชาติ 753 คน
เหนือหนาวเย็น-ใต้ฝนหนาแน่น
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศทั่วไประหว่างวันที่ 7 - 13 พฤศจิกายน โดยช่วงวันที่ 7-10 พฤศจิกายน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว มีหมอกบางตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก สำหรับร่องมรสุมยังพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นมีหมอกตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส มีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี