ระทึก! ลุงวัย 58 ปีชาวอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ขับกระบะบรรทุกแกลลอนน้ำมันพร้อมจุดไฟเบาะหลังคนขับพุ่งชนประตูเหล็กเข้าไปในสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ ประชาชนที่มาติดต่อราชการแตกตื่นตกใจ รปภ.รีบใช้ถังเคมีดับเพลิงฉีดพ่นดับไฟหวั่นลุกลาม และช่วยคนขับออกจากรถสภาพหมดสติเพราะสูดดมควันส่ง รพ.อาการโคม่า คาดเครียดถูกฟ้องที่ดินขายทอดตลาด
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (23 พ.ย.65) พ.ต.ท.ธนัช นครไธสง สารวัตรเวร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนประตูเหล็กด้านหน้าสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วตัวรถพุ่งเข้าไปใต้อาคาร เกิดเสียงดังคล้ายระเบิด 2 ครั้งก่อนจะมีเปลวไฟลุกไหม้ภายในตัวรถยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นคนขับ 1 รายจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะประสานหน่วยกู้ภัยฯ เข้าดับไฟและให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอ สี่ประตู สีขาว ทะเบียน บุรีรัมย์ ด้านหน้าอยู่ใต้อาคาร ตัวรถอยู่บริเวณลานปูนด้านหน้าอาคาร กันชนหน้าฝั่งขวาได้รับความเสียหายเนื่องจากพุ่งชนประตูเหล็ก บริเวณเบาะรถด้านหลังคนขับมีไฟลุกไหม้ และพบคนขับทราบชื่อภายหลัง คือ นายมานพ อายุ 58 ปี เป็นชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ติดอยู่ที่เบาะคนขับ สร้างความตื่นตกใจให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาติดต่อราชการภายในสำนักงานบังคับคดี
จากนั้น รปภ.และเจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ได้รีบนำถังเคมีดับเพลิงฉีดพ่นดับไฟที่ลุกไหม้รถยนต์หมดไป 6 – 7 ถัง ขณะเจ้าหน้าที่อีกคนก็ได้รีบช่วยเหลือนำตัวคนขับออกจากรถในสภาพที่หมดสติ คาดว่าน่าจะสูดดมกลิ่นควันเข้าไป ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะนำตัวส่ง รพ.บุรีรัมย์ ล่าสุดอาการยังโคม่า
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ สมกิจศิริ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร่วมกับพนักงานสอบสวน ซึ่งจากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันเกิดเหตุ พบขวดเหล้าขาวที่ถูกเปิดดื่มไปแล้ว 1 ขวดตั้งอยู่ช่องเก็บของข้าคนขับ พร้อมเงินจำนวนหนึ่ง บนเบาะด้านหลังฝั่งคนขับพบผ้าขนหนู 2 ผืน กระเป๋าสำหรับใส่เอกสารสีดำ 1 ใบ ที่วางเท้ายังพบแกลลอนน้ำมัน 2 แกลลอน เปิดใช้แล้ว 1 แกลลอน , พลุไฟ 3 แท่ง ใช้แล้ว 1 แท่ง , ประทัด 1 กล่อง ทั้งนี้ด้านหลังกระบะยังพบแกลลอนบรรจุน้ำมัน 3 แกลลอนเปิดฝาทิ้ง 2 แกลลอน ยังไม่เปิด 1 แกลลอนแต่ยังมีน้ำมันเต็มทุกแกลลอน ส่วนสำนักงานบังคับคดีมีเพียงประตูเหล็กด้านหน้าที่ถูกรถพุ่งชนได้รับความเสียหายเล็กน้อย
สอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำสำนักงานบังคับคดี เล่าว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับคนที่เข้าไปติดต่อราชการตามปกติ ซึ่งจะเปิดประตูเหล็กด้านหน้าให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่พอเดินเข้า-ออกได้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไปจอดด้านใน แต่จู่ๆ รถคันดังกล่าวก็พุ่งชนประตูเหล็กสำนักงานเข้าไปอยู่ใต้อาคาร แล้วเกิดไฟลุกไหม้ภายในรถ สร้างความตื่นตกใจให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาติดต่อราชการ จากนั้นจึงรีบนำถังดับเพลิงที่อยู่ในสำนักงานมาฉีดดับไฟ และมีเจ้าหน้าที่พากันช่วยคนขับที่ติดภายในรถออกมา แล้วรีบแจ้งหน่วยกู้ภัยมารีบตัวคนเจ็บส่ง รพ.เพราะหมดสติ ส่วนสาเหตุตนเองไม่ทราบ
ด้านนายสมเกียรติ อายุ 55 ปี ประชาชนชาว อ.ลำปลายมาศที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า วันนี้ตนเองพาพี่สาวมาเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องติดคดีรถที่ถูกไฟแนนซ์ฟ้องและถูกศาลสั่งบังคับคดี ขณะกำลังนั่งรอพี่สาวอยู่ด้านหน้าสำนักงาน ก็เห็นรถกระบะคันดังกล่าวขับพุ่งชนประตูเหล็กแล้วได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 2 ครั้ง ก่อนเกิดไฟลุกไหม้ที่เบาะด้านหลังคนขับ ก็ตกใจรีบพากันวิ่งออกไปข้างนอกรั้วสำนักงาน เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากที่เห็นมีทั้งแกลลอนน้ำมันด้านในรถและกระบะท้ายรวมถึงพลุประทัดในรถ ก็คิดว่าน่าจะตั้งใจมาก่อเหตุอะไรสักอย่าง ไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุธรรมดา
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่านายมานพ มีเจตนาขับขี่รถยนต์พุ่งชนประตูรั้วของสำนักงานบังคับคดี โดยสาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดจากการถูกบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของตนและภรรยาจน รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว น่าจะเป็นเหตุจูงใจที่ตัดสินใจขับรถยนต์บรรทุกแกลลอนน้ำมันและจุดไฟ พุ่งชนประตูรั้วของสำนักงานบังคับคดีจนได้รับความเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี