ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร จัดบริการรถรางชมกรุงรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ในวันคาร์ฟรีเดย์ 22 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. 2 เส้นทาง ดังนี้ เส้นทางที่1 ผ่านสนามหลวง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ สวนสราญรมย์ และศาลหลักเมือง เส้นทางที่2 ผ่านคลองบางลำภู หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราขินีนาถ โลหะปราสาท อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ถนนพระอาทิตย์ ป้อมพระสุเมรุ ประชาชนสามารถใช้บริการได้ฟรีวันเดียวเท่านั้น

ส่วนในระยะยาว กรุงเทพมหานครโดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) มีแนวคิดที่จะนำเอารถรางไฟฟ้ากลับมาใช้โดยให้วิ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวรอบเกาะรัตน์สินทร์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาจราจรรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยรถรางไฟฟ้าจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนช่วยลดมลพิษได้

ส่วนเส้นทางที่จะเดินรถ เบื้องต้นกำหนดเริ่มต้นที่หน้าอาคารนิทรรศรัตนโกสินทร์ เพราะเป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวต้องเดินชม จากนั้นจะรับ-ส่งไปยังบริเวณโดยรอบสนามหลวง พระบรมมหาราชวัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) และวนกลับมาจุดเริ่มต้น ระยะทางรวม 7 กิโลเมตร สำหรับจำนวนคันรถที่จะนำมาบริการนั้นต้องตรวจสอบว่าในแต่ละวันมีรถนักท่องเที่ยวเข้ามามากน้อยเท่าไรเพื่อจะได้เตรียมรถรางไฟฟ้าให้มีความเหมาะกับจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการด้วยว่ากรุงเทพมหานครจะเป็นผู้ดำเนินการเองหรือให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ

นอกจากนี้ยังต้องศึกษาหาท่าเรือที่เหมาะสมเพื่อที่จะรับ-ส่งนักนักท่องเที่ยวข้ามฟากไปที่จุดจอดรถด้วย จากการสำรวจคาดว่าจะทำท่าเรือที่บริเวณสวนสาธารณะสันติชัยปราการ บริเวณป้อมพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์  โดยรถรางไฟฟ้า และเรือข้ามฟากจะต้องทำไปพร้อมๆกับการจัดระเบียบรถทัวร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์

ทั้งนี้ ในการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการหารือแนวทางต่างๆที่จะจัดระบบจราจรที่หนาแน่นมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะบริเวณพระบรมมหาราชวัง และวัดโพธิ์ มีรถรับส่งนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 400 คัน ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดมากและแรงสั่นสะเทือนของรถก็ทำให้โบราณสถานได้รับความเสียหาย ซึ่งได้มีการคาดการณ์ในปี 2556-2557 จะมีรถรับ-ส่ง นักท่องเที่ยงเพิ่มขึ้นอีก กรุงเทพมหานครจึงได้ประสานบริษัทขนส่งมวลชน จำกัด ขอพื้นที่บริเวณสายใต้เก่าเป็นที่จอดรถรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวชั่วคราว สามารถรองรับรถได้ประมาณ 300 คัน ให้สำนักการจราจรและขนส่ง หาข้อสรุปในเรื่องจุดจอดรถ จุดปล่อยรถ พื้นที่และระยะเวลาในการให้รถสามารถวนส่งนักท่องเที่ยวได้ ให้ทำเป็นแผนบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ

โดยคาดว่าช่วงเดือนตุลาคม 2556 จะได้ลงนามความร่วมมือกับทางบริษัทขนส่งมวลชน จำกัด และจะเริ่มดำเนินการฟื้นฟูสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะเริ่มดำเนินการได้