"ชูวิทย์"เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณี พร้อมเปิดหลักฐานเส้นทางการเงินของนอมินีคนไทยที่รับหน้าแทน"ตู้ห่าว" เป็นสำเนาเช็คเงินสดและบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัท ยืนยันมีพยานปากเอกที่อยู่ในขบวนการของนายทุนจีนสีเทา แฉซ้ำวิธีการซื้อบ้านหรูหลังละ 50-60 ล้านเกือบยกโครงการ ใช้นอมินีมีตั้งแต่คนขายปลาคาร์ฟยันช่าง จี้"บิ๊กตู่"ถึงเวลาต้องลงมาจัดการเองเพราะตอนนี้เกินอำนาจ ผบ. ตร.ไปแล้ว
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 1 ธ.ค.65 ที่โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจสถานบันเทิง และอดีตนักการเมือง แถลงเปิดเผยหลักฐานที่นำไปมอบให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยยืนยันว่าตนมีพยานปากเอกคนสำคัญซึ่งเป็นคนไทยที่เคยทำงานกับนายตู้ห่าว แต่เกิดขัดผลประโยชน์การเนื่องจากนายตู้ห่าวไม่ยอมให้เงินค่าจ้าง จึงติดต่อเข้ามาหาตนเองเพื่อขอเป็นพยานในคดี ซึ่งขณะนี้ตนเองไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของบุคคลดังกล่าวได้และดูแลเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะส่งพยานคนดังกล่าวให้กับตำรวจ
นายชูวิทย์ ยังฝากถึงไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำสำนวนคดีดังกล่าว และการไล่ติดตามยึดทรัพย์ให้ทำงานอย่างโปร่งใสเป็นธรรมหากมีบุคคลใดที่ตั้งใจทำสำนวนให้อ่อนหรือทำให้ในตู้ห่าวได้รับการปล่อยตัวจากการฝากขังไม่ทันทั้ง 7 ผลัดตนเองมีข้อมูลของทุกคน ยืนยันว่าตนเองไม่ได้รับงานหรือรู้เห็นกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ตนเองมีข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการมามอบให้ และเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวบ่อนทำลายประเทศจึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลและส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยข้อมูลของนอมินีคนสำคัญของนายตู้ห่าวคือ นางสาวพัชรินทร์ โดยหลักฐานสำคัญคือเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าวกับนางสาวพัชรินทร์ โดยให้ฝ่ายเทคนิคส่วนตัวดึงข้อมูลใน iCloud ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวลงมาตรวจสอบ แม้ว่าขบวนการนี้จะมีการทำลายพยานหลักฐานต่างๆไปบ้างแล้ว
โดยมีสัญญาระหว่างนายตู้ห่าวกับนางสาวพัชรินทร์ รายการซื้อขายและครอบครองที่ดินแทน มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคมปี 2563 โดยให้นางสาวพัชรินทร์เป็นคนออกเช็คจ่ายแทนนายตู้ห่าวเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีสำเนาเช็คที่นางสาวพัชรินทร์เป็นคนเซ็นจ่ายจำนวน 5-6 ใบ และยังมีรายละเอียดการซื้อขายที่ดินหลายไร่ในปี 2561 และเมื่อนำไปเทียบกับเอกสารการเดินบัญชีธนาคารของนางสาวพัชรินทร์พบว่า มีข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารและเช็คจำนวนเงินตรงกับรายละเอียดในเอกสารรายรับรายจ่ายของบริษัทนายตู้ห่าว
ทั้งนี้ ยังพบอีกว่านายตู้ห่าว และพวกมีสำนักทนายความชาวจีนเป็นของตนเอง เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการและผู้ที่สนใจจะเดินทางมาลงทุนธุรกิจสีเทา หรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นที่มาของการใช้วิธีการเช่าโดยมีคนไทยเป็นนอมินี
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการนำเงินสดมาซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ราคาหลังละ 50-60 ล้านบาท เกือบทั้งหมู่บ้านว่า การที่สามารถนำเงินสด 100 ล้านเข้ามาในประเทศนั้น ทำได้อย่างไร รวมทั้งวิธีการซื้อ ได้ใช้สำนักงานทนายจีนและทนายจีน ร่วมมือกับทนายไทยด้วยวิธีการเช่านอมินี และจ่ายค่าเช่าด้วยการโอนลอยไว้ ซึ่งนอมินีนั้นมีทั้งคนขายปลาคาร์ฟ ช่างธรรมดา แต่เหตุใดจึงซื้อบ้านราคาแพง 50-60 ล้านบาทได้
"ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้เพราะมีสัมภเวสีมากระตุกหนวดผม อย่าคิดเด็ดขาดว่าใครอยู่เบื้องหลังการออกมาแฉของผม ผมจะสาปแช่งไว้ เผาพริกเผาเกลือคนไม่ดี ยืนยันว่าไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผมมุ่งอย่างเดียวยาเสพติด ทุนจีนสีเทา นี่คือวาระแห่งชาติที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องลงมาสั่งการเองเพราะเกินอำนาจ ผบ.ตร.ไปแล้ว"นายชูวิทย์ กล่าว
พร้อมกันนี้ ในตอนท้ายการแถลงข่าว นายชูวิทย์ยังได้เขียนคำว่า"อุ้มท้องซื้อพ่อ"บนกระดานไวท์บอร์ด โดยระบุว่าเป็นรูรั่วที่คลาสสิคที่สุดแต่จะขอพูดในภาคถัดไป ต่อจากนั้นได้มีการเปิดคลิปให้ผู้สื่อข่าวดู อ้างว่าเป็นปาร์ตี้ที่มีผู้ชายจับมือกับผู้หญิงเปลือยเต้นรำ ซึ่งสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจว่าผู้ชายคนดังกล่าวเป็นใคร
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าวนายชูวิทย์ ได้ทำการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคู่กรณีที่เคยบุกมาที่โรงแรมและมีปากมีเสียงกันบ่อยครั้ง โดยขอให้บุคคลดังกล่าวหากไม่ประสงค์ดีต่อแผ่นดินและกระทำการทุจริตขอให้มีความฉิบหาย พร้อมกับโชว์เครื่องสังฆทานโดยระบุว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี