‘หลานชาย’ตัวแสบบงการ 6 โจรยกตู้เซฟยายวัย73 รวบแล้ว 4 ยึดของกลางฝังดิน
ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ชายฉกรรจ์ 6 คน ขับรถยนต์กระบะสีขาว อาวุธปืนครบมือบุกเข้างัดบ้านเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านพื้นที่หมู่ 3 ต.บ้านราม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยภาพวงจรปิดในบ้านหลายมุมจับภาพนาทีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆไว้ได้อย่างชัดเจน โดยคนร้ายได้ยกตู้เซฟภายในมีเงินสดและทรัพย์มีค่าจำนวนมากและทองคำหนัก 26 บาท รวมทรัพย์สินมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท หลบหนีลอยนวล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 แต่ตำรวจ สภ.หัวไทร ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายคดีนี้ได้เลย จนมีการนำคลิปภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุออกมาเผยแพร่กันอย่างกว้างขวาง โดยเจ้าของบ้านวัย 73 ปี ออกมาร้องกับสื่อขอให้ตำรวจเร่งรัดจับกุมคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ล่าสุดวันนี้ (2 ธ.ค.65) ที่ห้องประชุม สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.มนเฑียร เบ้าทอง รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช , พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปราม , กก.สส.ภ.8 และ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมคนร้ายคดีนี้ได้แล้ว 4 คน จากจำนวน 7 คนที่ถูกศาลจังหวัดปากพนังออกหมายจับ
พล.ต.ต.สมชาย แถลงว่า ได้สั่งการตำรวจหลายหน่วยทั้งกองปราบปราม , สืบสวนภาค 8 และสืบสวนจังหวัดเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชนคดีหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ให้ความสนใจเร่งรัดคดีต่อเนื่องมาโดยตลอดเนื่องจากคดีล่าช้ามาเป็นเวลานานแล้ว ล่าสุดทางตำรวจนครศรีธรรมราชรวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอศาลจังหวัดปากพนัง ออกหมายจับคนร้ายนี้ได้ครบแล้ว 7 คน ประกอบด้วย คนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุ 6 คน และอีกคน คือ นายธวัฒชัย อายุ 38 ปี ทำงานรับราชการที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นหลานชายของเจ้าของบ้าน และเป็นคนชี้เป้าและนกต่อให้กับกลุ่มคนร้ายชายฉกรรจ์เข้าไปก่อเหตุ
ล่าสุดตำรวจได้นำหมายจับจับกุมคนร้ายแก๊งนี้มาได้แล้ว 4 คน เหลือคนร้ายที่ยังหลบหนีอีก 3 คน รวมทั้งหลานชายของเจ้าของบ้านด้วย ทางตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวคนร้ายที่เหลือต่อไป โดยจากการขยายผลสามารถนำทรัพย์สินกลับคืนมาได้จำนวนหนึ่ง และตามไปยึดตู้เซฟแบบโบราณที่กลุ่มคนร้ายนำไปฝังดินในหนองน้ำสวนปาล์มน้ำมัน ท้องที่ ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจจึงสามารถติดตามขุดตู้เซฟมาได้ กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจทรัพย์สินอยู่ว่ายังอยู่ครบหรือไม่ต่อไป โดยพบว่าตู้เซฟได้ถูกงัดออกแล้วคาดว่าทรัพย์สิน ถูกคนร้ายยกไปทั้งหมด และตรวจยึดอาวุธปืนสั้นของคนร้ายมา 2กระบอก และอาวุธปืนสั้นของผู้เสียหายอีก 1 กระบอกโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ส่วนคนร้ายที่เหลือ 3 คนศาลจังหวัดปากพนัง อยู่ระหว่างการติดตามตัว คาดว่าจะมามารถจับกุมตัวได้เร็วนี้
ด้านนายวีระยุทธ อายุ 38 ปี 1 ใน 7 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายธรัฒชัย 1 ใน 7 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหลานชายของเจ้าของบ้านเป็นผู้วางแผนชักชวนให้เข้ามาลักทรัพย์ในบ้านดังกล่าว โดยมีการบอกพิกัดว่าของมีค่าอยู่ตรงไหนบ้าง และให้ข้อมูลว่าเจ้าของบ้านออกจากบ้านไปในสวนช่วงไหนเวลาไหนกลับ เพื่อเป็นการสะดวกในการเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านดังกล่าว ยอมรับว่าตนเพียงต้องการเงินทรัพย์เท่านั้นไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าของบ้าน
นายวีระยุทธ กล่าว พร้อมยกมือไหว้ของโทษเจ้าของบ้านที่มาดูผู้ต้องหาที่ สภ.หัวไทร พร้อมระบุว่าส่วนตัวไม่รู้จักกับเจ้าของบ้าน แต่ถูกหลานชายของเจ้าของบ้านชักชวนให้พวกตนมากระทำการลักทรัพย์ในครั้งนี้ ส่วนมูลเหตุจูงในทราบจากหลานชายเจ้าของบ้านว่าไปขอเงินจากเจ้าของบ้านแล้วไม่ให้ จึงวางแผนให้ 6 กลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปลักทรัพย์ดังกล่าวจนสำเร็จ
ด้านนางปราณี อายุ 73 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจที่ตำรวจจับกุมคนร้ายมาได้ในครั้งนี้ แต่ตกใจไม่นึกว่าหลานชายของตนจะเป็นคนวางแผนเข้าไปลักทรัพย์ในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คนที่ยังหลบหนี ทราบว่าอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามอบตัวในเร็วๆนี้ โดย พล.ต.ต.สมชาย เผยว่ามั่นใจว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเร็วๆนี้แน่นอน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี