เมื่อถึงเดือนธันวาคมของทุกปี ลมหนาวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พัดเข้าสู่จังหวัดอำนาจเจริญ ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น ประกอบกับเป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ทำนาปลูกข้าว เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแล้วเสร็จ ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ จึงได้มีการจัดงานประเพณี ฮีตสิบสองและงานประจำปี จังหวัดอำนาจเจริญ ขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้เกษตรกรผู้ทำนาปลูกข้าวได้พักผ่อนหย่อนใจ สร้างความบันเทิงรื่นเริงหลังจากตรากตรำทำนามาหลายเดือน และเฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่ จ.อำนาจเจริญ จัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ ครบ 29 ปี อีกด้วย
สำหรับปีนี้ กำหนดจัดงานประเพณีฮีตสิบสองและงานประจำปี จังหวัดอำนาจเจริญ ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่1-10 ธันวาคม 2565 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
สำหรับกิจกรรมในงานทั้ง 10 วัน ประกอบด้วย วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาจังหวัดอำนาจเจริญ ครบรอบ 29 ปี และจังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดที่ 75 ของประเทศไทย ชมการแสดงนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง จากโรงเรียนอำนาจเจริญ และการแสดงฮีตที่ 1-12 จากโรงเรียนในสังกัดฯ วันที่ 2 ธันวาคม2565 การประกวดกลองยาว วันที่ 3 ธันวาคม2565 การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งท้องที่วันที่ 4 ธันวาคม 2565 การประกวดร้องเพลงท้องถิ่น วันที่ 5 ธันวาคม 2565 การแสดงดนตรี ANT แบนด์ และประกวดเยาวชนแดนซ์กระจาย วันที่ 6 ธันวาคม 2565 การแสดงดนตรีเพื่อชีวิต สืบสานตำนานหมอลำอำนาจเจริญ วันที่ 7 ธันวาคม 2565 การเดินแบบผ้าไทย “สืบสานตำนานผ้าทอ สานต่อศิลป์ ถิ่นอำนาจเจริญ” วันที่8 ธันวาคม 2565 การประกวด TO BE NUMBER ONE วันที่ 9 ธันวาคม 2565 การประกวดนางสาวอำนาจเจริญ วันที่ 10 ธันวาคม 2565 การแสดงโปงลาง วงดนตรีสากล การออกสลากกาชาดการกุศล ประจำปี 2565 โดยมีรางวัลจำนวนมาก เพื่อหารายได้เป็นทุนในกิจกรรมการกุศลต่อไป
ส่วนไฮไลท์ของงาน เป็นที่ฮือฮาเป็นจุดเด่น สะดุดตา ผู้มาเที่ยวงาน ให้ความสนใจมาก ก็คือ ตามบูธจัดแสดงนิทรรศการทั้ง 7 อำเภอ จะมีสัญลักษณ์ประจำอำเภอตั้งอยู่ เช่น พญาครุฑใหญ่อยู่ที่บูธ อ.ลืออำนาจ, ยักษ์คุ ที่ อ.ชานุมาน พระธาตุนาป่าแซง จำลอง ที่บูธ อ.ปทุมราชวงศา เป็นต้น ซึ่งผู้มาเที่ยวงานต่างเดินตรงไปถ่ายภาพ ถ่ายเซลฟี่ กับ สัญลักษณ์ดังกล่าว เพื่อเก็บภาพประทับใจ ไว้เป็นที่ระลึกกันทุกคน
สำหรับ ฮีตสิบสอง คือ จารีตประเพณีสิบสองเดือน ที่ชาวอีสานได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นหลัก โดยมีการเริ่มนับตั้งแต่เดือนอ้าย (เดือนธันวาคม) ซึ่งเป็นเดือนแรกเริ่มงานบุญ ในแต่ละเดือนจะมีงานบุญ ดังนี้
1.เดือนอ้าย-บุญเข้ากรรม คือ พิธีทำบุญถวายพระภิกษุผู้ต้องอาบัติ ซึ่งเข้าไปอยู่ในเขตจำกัด เพื่อทรมานร่างกายให้พ้นจากกรรมหรือพ้นจากอาบัติที่ได้กระทำและเป็นการชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เชื่อกันว่า เป็นการรำลึกและทดแทนพระคุณมารดา ที่เคยอยู่ไฟหรืออยู่กรรมหลังการคลอดบุตร
2.เดือนยี่-บุญคูณลาน (บุญคูณข้าว) เป็นการทำบุญขวัญข้าวที่นวดเสร็จและที่กองไว้บนลานบ้าน และนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็นกลางคืนมีมหรสพพื้นบ้าน รุ่งเช้ามีการถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระสงฆ์ จากนั้นนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมตามกองข้าวและท้องนา โดยเชื่อว่า จะทำให้ข้าวกล้าในปีต่อๆ ไปงอกงามดี ปราศจากศัตรูมารบกวน เสร็จพิธีจึงขนข้าวใส่ยุ้ง
3.เดือนสาม-บุญข้าวจี่ นิยมทำกันในกลางเดือนสามหรือปลายเดือนสาม ภายกลังการทำบุญวันมาฆบูชา คำว่า จี่ คือ การปิ้งวิธีทำข้าวจี่ คือ การนำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้ว มาปั้นเป็นก้อน โตเท่าไข่ไก่ ทาเกลือเคล้าให้ทั่วนวดให้เหนียว ทาด้วยไข่ ซึ่งตีไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันดีแล้ว นำไปย่างไฟให้สุกอีกครั้ง และเอาน้ำอ้อยบีบใส่เข้าไปด้วย เมื่อถึงวันงานชาวบ้านจะจัดอาหารคาวหวานและข้าวจี่มารวมกันที่ศาลาวัด นิมนต์พระสงฆ์ให้ศีลแล้วตักบาตรถวายข้าวจี่อาหารคาว เมื่อพระฉันเสร็จจะมีการแสดงพระธรรมเทศนา จากนั้นชาวบ้านจะนำข้าวจี่ที่เหลือจากพระฉันมารับประทาน เพราะเชื่อว่าจะได้รับโชค
4.เดือนสี่-บุญพระเวส (บุญมหาชาติ) จัดเป็นงานใหญ่ของชุมชน ก่อนเริ่มงานชาวบ้านจะช่วยกันทำที่พักของผู้มาร่วมงานประดับประดาศาลาโรงธรรมที่วัดให้สวยงาม วันแรกเรียกว่า วันโฮมหรือวันรวม ในตอนเช้ามืดจะมีพิธีนิมนต์พระอุปคุตอรหันต์ที่หออุปคุต สร้างไว้บริเวณที่วัดจัดงาน การทำพิธีต้องไปทำที่แม่น้ำหรือลำคลองของท้องถิ่น เพราะเชื่อว่า พระอุปคุตอรหันต์สถิตอยู่ใจกลางแม่น้ำ มหาสมุทร วันที่สองตอนบ่ายมีการแห่ผะเหวด หรือแห่พระเวสสันดรและนางมัทรีเข้าเมือง วันที่สามจัดให้มีการเทศน์มหาชาติอนึ่ง ในงานบุญนี้ มักจะมีผู้นำสิ่งของมาถวายพระ เรียก กัณฑ์หลอนโดยชาวบ้านจะแห่แหนเรี่ยไรเงินบูชากัณฑ์เทศน์ในละแวกหมู่บ้านและไม่เจาะจงจะถวายพระภิกษุใด แต่จะเจาะจงพระภิกษุนักเทศน์ที่ตนนิมนต์มา เรียกว่า กัณฑ์จอบ เพราะต้องแอบซุ่มดูให้แน่ใจก่อน
5.เดือนห้า-บุญสงกรานต์ นิยมทำกันเช่นเดียวกับภาคกลางคือวันที่ 13-15 เมษายน มีการสรงน้ำพระพุทธรูป โดยสร้างหอสรง แล้วอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐาน เพื่อทำพิธีสรงน้ำในวันสงกรานต์
6.เดือนหก-บุญบั้งไฟ เป็นการบูชาอารักษ์หลักเมืองและเป็นประเพณีทำบุญขอฝน เพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เชื่อว่า หากปีใดงดงานบุญบั้งไฟจะทำให้เกิดฝนแล้งและภัยพิบัติต่างๆ
7.เดือนเจ็ด-บุญชำฮะ คือ การชำระ เป็นการชำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไรอันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง จึงมีการบูชา เทวดา อารักษ์ มเหสักข์ หลักเมือง หลักบ้าน ผีพ่อแม่ผีเมือง (บรรพบุรุษ) ตลอดจนผีประจำไร่นา เรียกว่า ผีตาแฮก
8.เดือนแปด-บุญเข้าพรรษา ถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนแปด เป็นวันทำบุญเข้าพรรษาชาวบ้านจะจัดอาหารหวานคาว ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆ ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะเครื่องสำหรับให้แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงน้ำมัน เพราะถือว่า การถวายแสงสว่างแด่พระสงฆ์จะได้อานิสงส์แรง ทำให้เกิดปัญญามองเห็นธรรม
9.เดือนเก้า-บุญข้าวประดับดิน เป็นงานบุญที่ทำขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เปรต หรือ เผต และญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ข้าวประดับดิน ได้แก่ ข้าวและอาหารคาวหวาน พร้อมด้วยหมากพลู บุหรี่ ในกระทงใบตองนำไปวางตามต้นไม้หรือตามพื้นดินหรือที่ใดที่หนึ่งบริเวณวัด พร้อมเชิญวิญญาณผู้ล่วงลับมารับอาหารที่อุทิศไปให้ ซึ่งจะทำพิธีในเวลา 4-6 นาฬิกา และในตอนเช้า ชาวบ้านจะนำภัตตาหารไปถวายพระสงฆ์สามเณรแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ โดยการกรวดน้ำไปให้
10.เดือนสิบ-บุญข้าวสาก เป็นการทำบุญอุทิศให้แก่เปรตหรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีเวลาห่างกับการทำบุญข้าวประดิบดินสิบห้าวัน ซึ่งเป็นเวลาที่เปรตจะกลับสู่ภูมิของตน
11.เดือนสิบเอ็ด-บุญออกพรรษา มีการตักบาตรเทโว รับศีลฟังเทศน์ ถวายผ้าจำนำพรรษา บางแห่งมีการกวนข้าวทิพย์ ในวันนี้พระสงฆ์จะร่วมกันทำพิธีออกวัสสาปวารณา คือ การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ มีมหรสพ และจุดประทีปโคมไฟตามรั้วหรือกำแพงรอบวัดและตามหน้าบ้าน เนื่องจากเป็นฤดูว่างจากการทำนารอการเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงถือโอกาสจัดงาน อาทิ เช่น การถวายต้นผึ้ง หรือปราสาทผึ้ง การล่องเฮือไฟ หรือ ไหลเรือไฟ หรือ แข่งเรือ เป็นต้น
12.เดือนสิบสอง-บุญกฐิน เป็นการถวายผ้าแด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร ซึ่งจำพรรษาแล้ว ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาจะไปเลือกหาวัดที่จะทำบุญกฐิน เมื่อตกลงแล้วก็จะไปจองไว้ เมื่อถึงวันทอดกฐิน ชาวบ้านจะเตรียมองค์กฐิน ประกอบด้วยผ้าไตรจีวร อัฐบริขารและเครื่องไทยธรรม สำหรับถวายพระสงฆ์ ก่อนนำกฐินไปทอดถวาย มักจะมีมหรสพสมโภชฉลองกฐิน ทั้งนี้บุญกฐินที่ชาวอีสานได้จัดขึ้น นั้นแปลกไปจากภาคอื่น คือ การแปลงทางกฐิน ได้แก่ การปรับแต่งถนนหนทางที่ขบวนแห่จะผ่านให้มีความสะอาดเรียบร้อยสามารถเดินทางไปได้โดยสะดวก ซึ่งชาวบ้าน ถือว่า ได้กุศลแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี