วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ทลายแก๊ง'Start Up'คอลเซ็นเตอร์เมืองไทย ย้ายจากฝั่งเพื่อนบ้าน กลับมาเปิดเองเจ้าแรก

ทลายแก๊ง'Start Up'คอลเซ็นเตอร์เมืองไทย ย้ายจากฝั่งเพื่อนบ้าน กลับมาเปิดเองเจ้าแรก

วันจันทร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 12.10 น.
Tag : คอลเซ็นเตอร์เมืองไทย ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ตำรวจ PCT บุกทลายกลุ่ม Start Up
  •  

ตำรวจ PCT บุกทลายกลุ่ม Start Up คอลเซ็นเตอร์เมืองไทย หลังจิ๊กโพยของบอสจากประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามกลับมาเปิดเองในไทยได้ 2 เดือน หวังขยายกิจการ เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก

ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มือปราบคอลเซ็นเตอร์ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มใหม่เกิดขึ้นในข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ชักชวนให้ลงทุนและทำภารกิจ ภายใต้บริษัทปลอมที่ใช้ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าแก๊งดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามปกติจะอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จนสืบสวนทราบถึงสถานที่ตั้งก่อนนำกำลังบุกทลาย ภายในคอนโดย่าน ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ร่วมขบวนการภายในห้องมีจำนวน 4 คน ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 9 เครื่อง สมุดบัญชีจำนวน 5 เล่ม ซิมการ์ดโทรศัพท์ 38 ซิม


จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูล รูปแบบการหลอกลวงเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งท้ายสุด หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการยอมรับว่าได้นำความรู้ นำ Knowhow ที่ได้จากการไปทำในประเทศเพื่อนบ้านกลับมาทำเอง เพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้ระดับอาจารย์ไม่จำเป็นต้องไปทำในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับเปอร์เซ็นต์จากคนจีนแค่ 3% โดยวาดฝันไว้ว่าตนเองจะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น Start Up เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน

พฤติการณ์กล่าวคือ ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “กลุ่มใหม่” เกิดขึ้นในข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ซึ่งมีรูปแบบการหลอกลวงให้หลงรักก่อน จากนั้นจะชักชวนให้ “ลงทุนและทำภารกิจ” ภายใต้บริษัทปลอมที่ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือ หัวหน้าชุด ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 สืบสวนจนทราบว่าแก๊งดังกล่าวนี้มีอฟฟิศตั้งอยู่ที่คอนโดย่าน ถ.แพรกษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งโดยปกติออฟฟิศของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทยจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีการตั้งอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 เข้าตรวจค้น พบนายสุพรพงษ์ และพวกรวม 4 คน อาศัยอยู่ภายในห้องพัก และตรวจค้นพบ คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือจำนวน 9 เครื่อง , สมุดบัญชีจำนวน 5 เล่ม, ซิมการ์ดโทรศัพท์ 38 ซิม

จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งในโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ทำให้ทราบว่าทั้ง 4 ได้ร่วมกันหลอกลวงโดยมีแผนประทุษกรรม คือ จะสร้างเฟซบุ๊กปลอม (อวตาร) โดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นสาวสวยแล้วชักชวนมาลงทุน เมื่อเหยื่อสนใจ จะเชิญเข้า “กลุ่มไลน์” โดยอ้างว่าเป็นบริษัทที่ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP ซึ่งแท้จริงเป็นบริษัทที่ไม่มีอยู่จริง และจากนั้นจะให้คุยกับ อ.กอล์ฟ ซึ่งเป็นตัวตนปลอมที่อุปโลกน์ตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หลอกเสนอขายแผนโปรแกรม หลายแบบ เช่น การท่องเที่ยว การแต่งงาน แล้วหลอกให้โอนเงินร่วมลงทุนตามแผนงานต่างๆเหล่านั้น เหมือนเป็นการหลอกให้ทำภารกิจโดยอ้างว่าเมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้วทำภารกิจเสร็จจะได้เงินคืนในจำนวนมากกว่าเดิม โดยภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีเหยื่ออยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียว ที่เหลือจะเป็นหน้าม้าทั้งหมด โดยจะให้หน้าม้าแสร้งส่งภาพสลิปการโอนเงินทำทีว่าได้รับเงินจริง แต่แท้จริงเป็นสลิปการโอนเงินปลอม ซึ่งเมื่อเหยื่อเห็นว่าคนในกลุ่มได้รับเงินโอนจริงจะเกิดความโลภและยอมโอนเงินลงทุนในที่สุด และเมื่อเหยื่อโอนเงินแล้วจะทำทีแสดงข้อมูลในโปรแกรมโชว์ยอดรายได้ให้เหยื่อเห็น แต่เหยื่อต้องการถอนเงินก็จะไม่สามารถถอนได้ โดยจะอ้างว่าเหยื่อทำผิดวิธี และจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ

โดยรูปแบบการวางระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้เป็นรูปแบบเดียวกับหลายๆ แก๊งที่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลุ่มนี้สามารถรวบรัดระบบต่างๆไว้ในห้องๆเดียวด้วยคอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่อง และใช้คนจัดการเพียง 4 คน ซึ่งมีทั้งการทำระบบหลังบ้าน , ระบบการแบ่งห้องไลน์สนทนา , ระบบแถว 1 ที่การชักชวนเหยื่อ, การปลอมสลิป และอีกหลายขั้นตอน ซึ่งบ่งบอกถึงประสบการณ์และความเข้าใจในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างดี ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการตรวจค้น ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมตัว นายสุพรพงษ์ ตามหมายจับของศาล นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้นำตัวอีก 3 ราย มาซักถามปากคำที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

น.ส.คณิณัช ให้การว่า “ตนเองเคยเป็นพนักงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งทำจนมีความชำนาญมาก มีความรู้ระดับอาจารย์ แต่ละเดือนตอนอยู่กัมพูชาสามารถทำยอดเงินได้เดือนละเป็น 100 ล้านบาท ยอมรับว่าตัวเองคนเดียวสามารถทำงานได้เหมือนคนหกคนในเวลาเดียวกัน ซึ่งเมื่อทำไปเรื่อยก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ทำไมจะไปทำเพื่อรับเปอร์เซ็นต์จากบอสชาวจีนแค่ 3% จึงเกิดความโลภคิดอยากทำเองเพื่อจะได้รับเงินเต็มๆ โดยระหว่างที่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ก็ได้แอบเก็บข้อมูล รูปแบบ สคริปต่างๆของชาวจีน และได้เลือกรูปแบบที่คิดว่าสมบูรณ์แบบเก็บติดตัวไว้ และได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อประมาณเดือน ก.ย. 65 จากนั้นก็ได้เริ่มทำในประเทศไทยโดยได้จ้างให้โปรแกรมเมอร์คนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เขียนโปรแกรมให้ ในราคา 60,000 บาท จากนั้นจึงร่วมกับพวกที่อยู่ในห้องอีก 3 คน ทำด้วยกัน โดยส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองจะได้ 30% , นายสุพรพงษ์ จะได้ 30% , น.ส.สิริธร จะได้ 20% และ นางสาวทิพวรรณ จะได้ 20% โดยหวังไว้ว่าตนเองจะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น Start Up เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน อยู่ระหว่างติดตามผู้เสียหายโดยจะมีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับทั้งหมดตามกฏหมายในเรื่องการฉ้อโกงประชาชนต่อไป

ในชั้นจับกุม นายสุพรพงษ์ ให้การว่า “ตนเองเป็นพนักงานอยู่ในเว็บพนันโดยมีเจ้าของเป็นชายไทยที่มีฐานะคนหนึ่ง ซึ่งตอนอยู่ที่กัมพูชา ได้รู้จักและเป็นแฟนกับ น.ส.คณิณัช ซึ่งตอนนั้น น.ส.คณิณัช เคยทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศกัมพูชา และเอารูปแบบนั้นกลับมาทำที่ประเทศไทย โดยตนเองก็ร่วมทำด้วยกัน โดยหน้าที่ต่างๆ ก็จะช่วยกันทำทั้ง 4 คน และเมื่อได้กำไรก็จะนำมาแบ่งกัน”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีความน่ากลัว เพราะทั้ง 4 ถือเป็นต้นเชื้อ เป็นระดับหัวกะทิ ที่นำความรู้ความสามารถจากการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน กลับมาตั้งต้นทำในประเทศไทยซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นการ ตัดไฟแต่ต้นลม ได้อย่างทันท่วงทีซึ่งเกิดมาจากการวางรากฐาน วางระบบไว้อย่างดี ของท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่งท่านได้ทำไว้ตั้งแต่สมัยยังดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เป็นหัวเรือทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาเป็นเวลาหลายปี ขอฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคนร้ายกลุ่มนี้ โดยสังเกตจากภาพอวตาลที่ใช้หลอก โดยแจ้งข้อมูลมาที่ สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com และขอเตือนขอเตือนประชาชนคนไทยที่ว่างงานอยู่ กำลังตัดสินใจไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่ไปแล้วก็เป็น call center และเมื่อใดที่ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ”

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ผบ.ตร.นำคณะตำรวจไทยดูงานตร.ญี่ปุ่นร่วมมือปราบอาชญากรรม ผบ.ตร.นำคณะตำรวจไทยดูงานตร.ญี่ปุ่นร่วมมือปราบอาชญากรรม
  • ‘ผบ.ตร.’ชื่นชม‘9 นักเรียนนายสิบ’มี Mindset ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทันท่วงที ‘ผบ.ตร.’ชื่นชม‘9 นักเรียนนายสิบ’มี Mindset ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทันท่วงที
  • ‘นายกฯ’เร่งสอบเหตุลอบวางบึ้มภูเก็ต ขอประชาชนมั่นใจ ‘นายกฯ’เร่งสอบเหตุลอบวางบึ้มภูเก็ต ขอประชาชนมั่นใจ
  • ตร.จ่อเชิญนายกฯให้ข้อมูลปมคลิปเสียงกับ\'ฮุนเซน\'หลุด ตร.จ่อเชิญนายกฯให้ข้อมูลปมคลิปเสียงกับ'ฮุนเซน'หลุด
  • ผบ.ตร.สั่งสอบด่วน! ตร.พาผู้ต้องหา ช่วย ‘อดีต พล.ต.อ.’ ลอกข้อสอบหนีออกจากโรงพัก ผบ.ตร.สั่งสอบด่วน! ตร.พาผู้ต้องหา ช่วย ‘อดีต พล.ต.อ.’ ลอกข้อสอบหนีออกจากโรงพัก
  • ผบ.ตร.สั่งตำรวจดูแลประชาชนจากเหตุแผ่นดินไหว ผบ.ตร.สั่งตำรวจดูแลประชาชนจากเหตุแผ่นดินไหว
  •  

Breaking News

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศ สธ. ให้ยาทรามาดอล (Tramadol) เป็นยาควบคุมพิเศษ

'ปราชญ์ สามสี' วิเคราะห์กำแพงภาษี 36% ทรัมป์ บททดสอบความ'ศิโรราบ'ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ

'กินเนสส์ฯ'ประกาศสุดยอดบลูชีสจากสเปน ขึ้นแท่น'ชีสที่แพงที่สุดในโลก'ด้วยราคา1.35ล้าน

(คลิป) เจรจาภาษีอย่าหวังได้อะไรจาก'ทรัมป์' อย่าเสีย 'ฐานทัพเรือพังงา' เป็นพอ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved