มติบอร์ด สธ.ดับฝันเปิดผับถึงตี 4 ทุกพื้นที่ ย้ำปิดตี 2 เหมาะสมแล้ว เพราะโควิดยังระบาดอยู่ แนะฉีดกระตุ้นเข็ม 4 ก่อนกลับบ้านปีใหม่ 1 สัปดาห์ก่อนเดินทางดีที่สุด ด้านกรมการแพทย์เผยหลังปีใหม่ติดเชื้อพุ่งแน่ แนะคนป่วยกักตัวอยู่บ้าน 5 วันลดแพร่เชื้อสู่คนอื่น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ระบุภาพรวมรพ.ทั่วปท.มีผู้ติดเชื้อเข้ามารักษาแบบผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นเท่าตัว ชี้เตียงรพ.ยังว่าง รองรับผู้มีอาการได้อีก 60%

เมื่อวันที่ 6ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณียังมีข้อเสนอเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น.ว่า คณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมและมีมติยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว ส่วนที่หลายคนอยากให้เปิด เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวนั้น เราต้องพยายามรักษาสมดุลทุกมิติไว้ และช่วงนี้ก็ขยายถึงเวลา 02.00 น. น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 และไม่ต้องการให้มีอุบัติเหตุจากการดื่มสุรา ส่วนเงื่อนไขเสนอให้เปิดในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ แต่ผลก็ออกมาเหมือนกัน และตรงนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งเราก็เคารพเสียงส่วนใหญ่อยู่แล้ว

นายอนุทินยังเน้นย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 และมีแพ็กเกจดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ที่สธ.ดำเนินการและเตรียมให้เป็นของขวัญปีใหม่ การเดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่ ขอย้ำเรื่องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทางจะเป็นเรื่องดี

ด้านนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดรายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 รายว่า สาเหตุหนึ่งที่พบผู้เสียชีวิตมากขึ้น เกิดจากจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น เพราะขณะนี้มีการผ่อนคลายมาตรการ

“ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการไม่ต้องเข้ากักตัวเหมือนสมัยก่อน ใครป่วยไม่ว่าอาการน้อย ไม่มีอาการก็ต้องแยกตัวออกมารักษา ทำให้เชื้อไม่แพร่ไปสู่ผู้อื่น แต่ตอนนี้หากอาการน้อยเราก็ให้รักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) อย่างน้อย 5 วัน ถ้าจำเป็นต้องออกจากบ้านก็สามารถป้องกันตนเองและออกไปข้างนอกได้ ทั้งหมดนี้ จึงมีโอกาสแพร่เชื้อไปสู่กลุ่มเสี่ยงทั้งกลุ่ม 608 กลุ่มโรคร่วมได้มากขึ้น” นพ.ธงชัยกล่าว

และว่า ข้อมูลผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 ผู้มีโรคร่วมและไม่ฉีดวัคซีน โดยพบร้อยละ 70 ในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนน้อยกว่า 3 เข็ม ร้อยละ 50 ไม่ฉีดวัคซีนเลย ร้อยละ 20 ฉีดเพียง 2 เข็ม ดังนั้น ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนจึงเป็นกลุ่มอันตรายที่สุด คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว เปรียบเสมือนโรงงานผลิตภูมิคุ้มกันต่อสู้เชื้อโรค

นพ.ธงชัยยังกล่าวถึงสถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 รวมทุกระดับตั้งแต่ 1-3 ขณะนี้ใช้ไปประมาณ ร้อยละ 35 ยังมีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยที่มีอาการได้อีกร้อยละ 60 แต่หากมีสถานการณ์ความรุนแรงที่มีผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล (รพ.) เพิ่มก็เตรียมความพร้อมของห้องต่างๆสามารถขยายได้ทันที สำหรับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เข้ามารักษาแบบผู้ป่วยนอก ภาพรวมในสถานพยาบาลทั่วประเทศมีมากขึ้น จากเดิมช่วงที่สถานการณ์เบาบางเฉลี่ยมีผู้ป่วยสัปดาห์ละ 2,000 คน ขณะนี้เพิ่มเป็นเท่าตัว เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4,000 คนหรือประมาณวันละ 700-800 คน

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวต่อว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ช่วงปีใหม่นี้ เพิ่มขึ้นแน่นอน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ไม่เฉพาะโควิด-19 แต่เชื้อไวรัสทุกตัวสามารถอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นได้นานขึ้น ส่งผลให้แพร่ระบาดมากขึ้น เป็นปกติของเชื้อไวรัสที่สามารถคงอยู่ได้นานช่วงปลายฝนต้นหนาว และฤดูหนาว ส่งผลให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มากขึ้น ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือผู้ป่วยที่รักษาแบบผู้ป่วยนอก ให้กักตัวเองอย่างน้อย 5 วัน แต่หากจำเป็นต้องออกไปภายนอก พยายามป้องกันไม่ให้ไปติดผู้อื่น โดยเฉพาะมาตรการป้องกันตนเองทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ขอให้หมั่นปฏิบัติ ขณะเดียวกัน ได้มอบนโยบายให้สถานพยาบาลในสังกัดเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน พร้อมทั้งเปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย หากได้รับวัคซีนช่วงนี้จะสามารถป้องกันได้ทั้งช่วงปีใหม่นี้ และยังมีภูมิคุ้มกันต่อเนื่องไปได้ถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย

นพ.ธงชัยกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีผู้ป่วยรายหนึ่งที่อายุประมาณ 30 ปี อยู่ในวัยทำงาน ถือว่าอายุยังน้อยและเสียชีวิตเฉียบพลันที่บ้าน กรมควบคุมโรคกำลังวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตของรายดังกล่าว ทั้งนี้ คงต้องวิเคราะห์สาเหตุว่ามีการติดเชื้ออื่นร่วมด้วยหรือไม่ กรณีที่เกิดจากโควิด อาการจะไม่เสียชีวิตทันที แต่จะมีอาการเหนื่อยหอบก่อน เพราะเชื้อไวรัสโควิดจะลงปอด แต่เชื้อไวรัสตัวอื่นบางตัวก็มีผลต่อหัวใจ จึงต้องวิเคราะห์ว่าเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนหรือจากโควิด