วงเสาวนาปชป.คุ้ย ‘เบื้องลึกทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว’ เปรียบเป็น ‘ฝีหนองแตก’ ลามเข้าบรรดาสารพัด ‘หน่วยงานรัฐ’ ทำปิดปากเงียบ ประสานเสียงลั่นงานนี้มี ‘มวยล้มต้มคนดู’ แนะดันเป็นวาระแห่งชาติด่วน
11 ธันวาคม 2565 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนา “เบื้องลึกทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน พรรคประชาธิปัตย์ , นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินรายการโดย เมธวิน อังคทะวานิช อดีตผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท พรรคประชาธิปัตย์
น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดการเสวนาว่า ตนขอตั้งคำถามต่อกรณีธุรกิจทุนจีนสีเทาว่า ทำไมตู้ห่าวจึงสามารถทำธุรกิจสีเทาและขยับขยายเครือข่ายอย่างกว้างขวางได้ในประเทศไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสีเทาของตู้ห่าวมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจนกลายเป็นธนกิจการเมืองซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับธุรกิจผิดกฎหมาย คอร์รัปชั่น เม็ดเงินจากทุนจีนสีเทาจะไหลเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าวซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ จึงเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนให้ร่วมกันค้นหาเบื้องลึกเบื้องหลังเพื่อป้องกันธุรกิจสีเทาไม่ให้ทำลายประเทศไทย
ด้านนายแทนคุณ กล่าวว่า หากมองในเชิงโครงสร้างจะแบ่งออกเป็นสาม ส่วน ส่วนแรกคือแนวทางที่ทุนจีนเคลื่อนไปในมิติต่างๆของโลก เกิดขึ้นมานานแล้วทั้งประชากร ระบบการลงทุน ส่วนที่สองคือโครงสร้างของเงินซึ่งมีสามรูปแบบ คือหนึ่งจากสีดำมาเป็นสีเทา ธุรกิจสีดำในจีนถูกจัดการ จึงหนีเข้ามาไทย สองต่อยอดสีเทาด้วยกัน ผ่านการค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ ค้าของเถื่อน สามจากสีเทาไปสีขาว โดยการฟอกเงินผ่านอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สิน ซึ่งอันนี้คือตัวแปรสำคัญที่มีอิทธิพลในเชิงโครงสร้างและแหล่งที่มาของทุนในโครงสร้างรัฐไทย การจับกุมกลุ่มธุรกิจจีนสีเทาต้องบูรณาการทุกภาคส่วนตั้งแต่ ตม. ศุลกากร มหาดไทย ยุติธรรม ปปส. ปปง. สตช. ฯลฯ เนื่องจากกลุ่มทุนดังกล่าวมีอิทธิพลแผ่ขยายไปทุกส่วน เกิดช่องว่างของสังคมอุปถัมภ์ ทั้งนี้ทุกภาคส่วนต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ระบบราชการอุ้ยอ้าย ต้องออกแบบกฎหมายให้กระชับได้โครงสร้าง
“ในฐานะพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่เคียงข้างประชาชนมานาน พรรคฯไม่นิ่งเฉย แต่ยึดโยงกับประชาชน ช่วยสอดส่องดูแล ช่วยเหลือประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมไม่ให้เกิดช่องโหว่ เนื่องจากมีคนได้รับผลกระทบจากตู้ห่าวมากมาย อาทิ ป่วยซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย ฯลฯ ดังนั้นพรรคฯจึงต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมรวดเร็ว โดยไม่ได้แทรกแซง บูรณาการด้านความยุติธรรม ปรับเปลี่ยน mindset เจ้าหน้าที่รัฐอย่านิ่งดูดาย ไม่รับสินบน ไม่กดขี่ผู้ใต้บังคับบัญชา และอย่าปล่อยให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของคนกระทำความผิด” นายแทนคุณ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ตนเป็นตำรวจรุ่นแรกๆในการจัดการกลุ่มมาเฟียหรือกลุ่มธุรกิจจีนสีเทา ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีในประเทศไทยมายาวนานราว 30 ปี ยุคแรกคือแก๊งลูกหมูที่ทำธุรกิจค้าบริการทางเพศ เมื่อปราบปรามเสร็จสิ้นก็เกิดแก๊งใหม่ๆ อย่างแก๊งลูกแพะ แก๊งลูกแกะ ขึ้นมาอีก ซึ่งตนได้ปราบปรามมาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจสีเทามีการพัฒนารูปแบบธุรกิจมากมายทั้งเปิดสถานบริการคลับบาร์บังหน้าเพื่อขายยาเสพติด นำยาบ้ารายใหญ่เข้ามาขายในประเทศ เปิดบ่อนการพนันออนไลน์ ค้าของเถื่อน คอลเซนเตอร์ อสังหาริมทรัพย์ เรียกค่าไถ่นักธุรกิจต่างชาติ ชักชวนคนไทยเป็นหุ้นส่วน ฯลฯ โดยมีกลุ่มนักการเมือง คนมีสี ทหาร ตำรวจ ให้การสนับสนุนการกระทำความผิด จึงทำให้กลุ่มธุรกิจจีนสีเทาตู้ห่าวเจริญเติบโตและทรงอิทธิพลมาก การที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ออกมาเปิดเผยเป็นการสะกิดหนอง พอหนองแตกก็ทำให้เห็นว่าหนองนั้นกระจายไปทั่วทุกหน่วยงาน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ตม. ศุลกากรฯลฯ โดยที่ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน ตำรวจเพียงแค่อายัดทรัพย์สิน แต่ไม่มีการสอบสวนตั้งข้อหาฟอกเงินในเชิงลึก และเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
“ตนอยากให้จับตาดูกระบวนการนี้ซึ่งเข้าไปอยู่ในศูนย์อำนาจทั้ง นักการเมือง กระบวนการยุติธรรม มหาดไทย ฯลฯ ซึ่งหากไม่มีการจัดการอย่างจริงจังจะส่งผลเสียต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก และเชื่อว่า จะกลายเป็นเพียง มวยล้มต้มคนดู ข้าราชการ นักการเมือง ต้องมีจิตสำนึก มีศีลธรรม ต้องเอาจริงเอาจัง กำจัดสิ่งที่เป็นความชั่วไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองให้หมดไป ถ้าเฟืองใหญ่หมุนเฟืองเล็กก็จะหมุนตาม” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว
ขณะที่นายวัชระ กล่าวว่า ตนในฐานะนักกฎหมายมองว่าระบบราชการมีช่องโหว่แต่ที่เหนือกว่าช่องโหว่คือนักการเมืองที่ไม่มีศีลธรรม ละเลยต่อจรรยาบรรณ ให้การคุ้มครองกลุ่มทุนธุรกิจสีเทาตู้ห่าว กรณีเผาสวนสัตว์ภูเก็ต ตำรวจส่งสำนวน 800 หน้าให้อัยการ แต่อัยการกลับไม่สั่งฟ้อง ซึ่งตนได้ยื่นจดหมายให้ตั้งกรรมการสอบอัยการภูเก็ตเพราะมีจุดพิรุธ ทำไมไม่สั่งฟ้อง เป็นช่องว่างที่อัปยศ ต้องได้รับการชำระสะสางจากอัยการสูงสุด หากไม่ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนจะเป็นรอยด่างแก่กระบวนการยุติธรรม ในฐานะที่ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งข้อหาฟอกเงิน เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าการที่ไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินเพราะมีนายพลตำรวจเคยเดินตามหลังนายตู้ห่าวมาก่อนใช่หรือไม่ แสดงว่ามีอำนาจลึกลับ มีความสัมพันธ์ที่ เอื้อประโยชน์ต่อกันมานานแล้ว แม้แต่เครื่องบินส่วนตัวของตู้ห่าวก็บินได้อย่างอิสระโดยไม่มีการจดทะเบียน นักบินไม่มีใบอนุญาตการบิน ไม่มีการตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น ตู้ห่าวได้กระจายอิทธิพลเข้าไปทุกภาคส่วนแม้แต่วัดในจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี บริษัททัวร์ของตู้ห่าวซื้อศาลา อุโบสถ เอาสินค้าไปขายในวัด
“สะท้อนให้เห็นว่าไม่เพียงแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่หละหลวม แต่ยังรวมไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ล่าสุดผมได้ไปยื่นเรื่องต่อนายกฯ ให้ติดตามเรื่องกลุ่มธุรกิจจีนสีเทาและเร่งให้ตั้งเป็นวาระแห่งชาติ ไม่เช่นนั้นจะเกิดมวยลมต้มคนดู รัฐต้องเอาจริงเอาจัง เพราะเกินวิสัยที่หน่วยงานราชการแต่ละหน่วยจะจัดการได้” นายวัชระ กล่าว
น.ส.ศิริภา กล่าวว่า การเคลื่อนตัวของกลุ่มทุนจีนที่มีอยู่ทั่วโลกเป็นเรื่องปกติ แต่กลุ่มทุนจีนสีเทาของตู้ห่าวที่เข้ามาสู่ประเทศไทยเป็นเรื่องไม่ปกติ จากการขยายผลของกลุ่มทุนธุรกิจสีเทาของตู้ห่าวพบเรื่องการตั้งมูลนิธิเพื่อการขอวีซ่าให้อาสาสมัครชาวจีนพำนัก และทำงาน ในไทย อีกทั้งขอสัญชาติไทย เป็นเรื่องน่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งที่ไทยเปรียบเสมือนสวรรค์ของการกระทำความผิด ตนในฐานะคนไทย อยากให้รัฐบาลตั้งเป็นวาระแห่งชาติ ไม่เฉพาะกลุ่มทุนธุรกิจสีเทาตู้ห่าว แต่รวมถึงธุรกิจ หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เด็ดขาด คนผิดต้องได้รับโทษ เพราะปัญหาดังกล่าวส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี