แม่วัย 74 ชาวบุรีรัมย์ นำโกศบรรจุกระดูกลูกชายเหยื่อชนแล้วหนี ร้อง ผบ.ตร.ช่วย หลังเหตุการณ์ผ่านไปเกือบเดือน แต่คดีไม่คืบ หวั่นลูกตายฟรี สงสารหลาน 3 คนต้องกำพร้าพ่อขาดเสาหลัก เมียไม่มีรายได้ พี่สาวเผยต้องตระเวนหาหลักฐานเองทั้งชิ้นส่วนรถในที่เกิดเหตุและภาพวงจรปิดรถยนต์ต้องสงสัยส่งให้ ตร.แต่ยังเงียบ จุดธูปวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ติดตามคู่กรณีได้โดยเร็ว
วันที่ 16 ธ.ค.65 นางจันทร์แดง อายุ 74 ปี แม่พร้อมด้วยนางผ่องใส อายุ 50 ปี พี่สาวและนายถนอม อายุ 44 ปี พี่ชาย ชาวบ้านกะโลง ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ทำป้ายไวนิลขนาดใหญ่พร้อมนำโกศบรรจุกระดูกของนายทนง อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็ก ของครอบครัว ออกมาร้องขอความเป็นธรรมและขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ช่วย หลังจากนายทนงถูกรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์เสียชีวิต ที่บริเวณแยกชลประทานโคกสวาย ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 7 โมงเช้าของวันที่ 28 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ขณะขับรถจักรยานยนต์จะมาช่วยผู้เป็นแม่และพี่สาวพี่ชายตากข้าวเปลือกที่บ้าน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้ว คดีก็ยังไม่มีคืบหน้า ยังไม่สามารถติดตามรถคู่กรณีมาดำเนินคดีหรือรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
พร้อมกันนี้ ผู้เป็นแม่ พร้อมพี่สาว พี่ชาย ยังได้จุดธูปไหว้ศาลพระภูมิและศาลตายายหน้าบ้าน เพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลบันดาลให้สามารถติดตามรถคู่กรณีให้ได้โดยเร็วด้วย
นางจันทร์แดง ผู้เป็นแม่ บอกว่า หลังจากนายทนง ลูกชายถูกรถเฉี่ยวชนเสียชีวิตก็ทำให้หลาน 3 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกชายที่เสียชีวิต คือ ลูกสาวคนโต อายุ 9 ขวบ ลูกชายคนกลาง วัย 5 ขวบและลูกชายคนเล็กอายุเพียง 5 เดือนต้องกำพร้าพ่อและขาดเสาหลัก เพราะลูกชายทำงานเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว ส่วนภรรยาทำหน้าที่เลี้ยงลูก แต่พอผู้เป็นพ่อเสียชีวิตทำให้ทั้งภรรยาและลูก 3 คน เดือดร้อนไร้ที่พึ่ง ตอนนี้ก็มีเพียงแม่และพี่สาวพี่ชายที่คอยหยิบยื่นเงินให้หลานซื้อข้าวและนมกินตามกำลังเท่านั้น จึงอยากวิงวอนขอให้ท่าน ผบ.ตร.ช่วยเร่งรัดคดีให้ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ เร่งติดตามรถคู่กรณีมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะกลัวว่าลูกจะตายฟรีเหมือนหมาข้างถนน ที่ผ่านมาลูกชายเคยมาเข้าฝันบอกให้ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้ด้วย
นางผ่องใส พี่สาว บอกว่า วันเกิดเหตุน้องชายได้ขับรถจักรยานยนต์ มาจากบ้านจักจรู๊ก ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านภรรยา มาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อจะมาช่วยครอบครัวตากข้าว ที่บ้านกะโลง ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ แต่จน 7 โมงกว่าก็ยังมาไม่ถึงแม่จึงโทรไปถาม เมียน้องชายรับสายก็บอกว่าออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว กระทั่ง 8 โมงน้องสะใภ้โทรมาบอกว่าน้องชายถูกรถชนเสียชีวิตแล้ว ก็ตกใจรีบเดินทางไปดูแต่ไม่เจอ เพราะมูลนิธิได้ส่งส่งกลับไปที่บ้านภรรยาแล้ว จึงรีบตามไปดูที่บ้านก็เห็นแต่ศพน้องชาย แต่ตอนนั้นไม่เห็นตำรวจที่บ้าน จึงให้หลานไปที่โรงพักเพื่อไปสอบถามเรื่องการแจ้งความ แต่ตำรวจบอกไม่ต้องแจ้งความ เพราะตำรวจรับคดีแล้ว
ต่อมาวันที่ 29 พ.ย.65 มีพลเมืองส่งภาพวงจรปิดรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านเส้นทางจุดเกิดเหตุเวลาไล่เลี่ยกัน และรถมีรอยเฉี่ยวชนมาให้ จึงรีบนำไปให้ร้อยเวรฯ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามรถคู่กรณี จากนั้นก็กลับไปจัดงานศพ และเผาวันที่ 1 ธ.ค.65 วันที่ 2ธ.ค. ใส่บาตรทำบุญเสร็จเรียบร้อย วันที่ 3 ธ.ค.65 จึงไปตามคดีที่โรงพัก ตำรวจบอกว่ายังยุ่งติดทำคดีอื่นอยู่ หลังจากนั้นก็เงียบหายไป จนถึงทุกวันนี้ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ก็ยังไม่คืบหน้าเลยทั้งที่ครอบครัวเป็นคนหาหลักฐานทั้งชิ้นส่วนรถที่ตกในจุดเกิดเหตุ ภาพวงจรปิดไปให้ตำรวจเอง แต่ก็ยังเงียบจึงเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้วอนขอให้ ผบ.ตร.ช่วยเร่งคดีและติดตามคู่กรณีมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี