ยอดทะลุ11ล้านคน
นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย
รัฐบาลเร่งตีปี๊บจัดกิจกรรม
‘1 จังหวัด 1 Sport Event’
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ย้ำให้ความสำคัญผลักดันการฟื้นตัวต่อเนื่องการท่องเที่ยวไทย ล่าสุดตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทย รวมกว่า11 ล้านคนแล้ว รัฐบาลชูกิจกรรมกีฬากระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดทั่วประเทศลุยจัด “1 จังหวัด 1 Sport Event” เชิญชวนผู้สนใจติดตามโปรแกรมและเดินทางท่องเที่ยวเชิงกีฬาส่งท้ายปีเก่ายาวถึงต้นปี 2566
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยสะสมระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 โดยข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เป็นจำนวนถึง 11,049,769 คนแล้ว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า 5 อันดับแรก สะสม 1 มกราคม-22 ธันวาคม 2565 ได้แก่ 1. มาเลเซีย 1,812,250 คน 2. อินเดีย 923,768 คน 3. ลาว 796,220 คน 4. สิงคโปร์ 563,594 คน 5. กัมพูชา 562,060 คน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวรายด่าน 5 อันดับแรก สะสม 1 มกราคม-22 ธันวาคม 2565 ได้แก่ 1. ทอ.สุวรรณภูมิ 5,729,695 คน 2. ทอ.ภูเก็ต 1,457,683 คน 3. ทอ.ดอนเมือง 904,717 คน 4. สะเดา 670,400 คน และ 5. หนองคาย 328,957 คน
นายอนุชาฯ กล่าวต่อไปถึงข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ตั้งแต่ที่ประเทศไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยแล้วเฉลี่ยวันละ 60,000-70,000 คน โดยกลุ่มหลักเป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย และขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาวันละประมาณ 5,000 คน เป็นผลจากที่มีการเพิ่มเที่ยวบินจากรัสเซียบินตรงมายังกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเริ่มมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำบินตรงมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีถึง 11.5 ล้านคน เมื่อรวมกับการท่องเที่ยวในประเทศ 175 ล้านคน/ครั้ง จะทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่ารวมในปี 2562 สำหรับเป้าหมายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ปี 2566 ททท. ได้คาดการณ์ว่าจะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2566 กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท และตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ร้อยละ 50 ของปี 2562 หรือประมาณ 20 ล้านคน
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการผลักดันการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของการท่องเที่ยวไทย ทั้งส่วนของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และการส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวในประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าการผลักดันฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ต้องให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้สู่เมืองรอง ผลักดันการท่องเที่ยวชุมชน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เพื่อให้ความเข้มแข็งเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับฐานรากของเศรษฐกิจ พร้อมกำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อรองรับและกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในอนาคต ตลอดจนแผนการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว โดยให้พิจารณาความพร้อมและศักยภาพของประเทศในทุกด้านควบคู่ด้วย ทั้งนี้ การที่สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวที่ได้ร่วมกับขับเคลื่อน ซึ่งจะช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวเร็วที่สุดในโลกได้” นายอนุชาฯ กล่าว
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนให้ทุกจังหวัดของประเทศได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในและระหว่างจังหวัด
ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำโดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ดำเนินการในหลายกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่และลงไปถึงระดับท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการใช้กิจกรรมด้านกีฬาหรือ Sport Event เป็นกลไกขับเคลื่อน โดยตั้งแต่ปลายปี 2565 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดทั่วประเทศร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดจัดงาน “1 จังหวัด 1 Sport Event” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในท้องถิ่น สนับสนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวพร้อมส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจรรมเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนพ.ย. 65 เป็นต้นมา หลายจังหวัดได้ทยอยจัดกิจกรรม 1 จังหวัด 1 Sport Event ทั้งการแข่งขันเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน พายเรือหรือกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ โดยมีกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลเบื้องต้น ณ วันที่ 16 ธ.ค. 65 มีการดำเนินการจัดงานไปแล้ว 9 จังหวัด เกิดผลทางเศรษฐกิจรวม 15.75 ล้านบาท อาทิ งาน Nan Run จ.น่าน สร้างผลต่อเศรษฐกิจ 3.68 ล้านบาท งานแข่งขันเรือพายในกว๊านพะเยา จ.พะเยา 2.17 ล้านบาท งาน SIX TO SIX Chanthaburi Night Run จ.จันทบุรี 2.64 ล้านบาท เป็นต้น
ส่วนในครึ่งหลังของเดือน ธ.ค. ที่มีการจัดกิจกรรมและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก อาทิ วันที่ 18 ธ.ค. 65 จ.ระยองจัดกิจกรรมพายทะลุปอด SUP Board @ป่ากลางเมืองระยอง, วันที่ 19-20 ธ.ค. 65 จ.พิษณุโลก จัดกิจกรรม สองแคว วอเตอร์สปอร์ท ส่วนช่วงส่งท้ายปีก็จะมีกิจกรรมในหลายจังหวัดที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศไปร่วม อาทิ วันที่ 24-25 ธ.ค. 65 จ.ปราจีนบุรี จัดกิจกรรมนอนแคมป์ดูดาวตื่นเช้ามาปั่น, วันที่ 25 ธ.ค. 65 จ.กำแพงเพชร กิจกรรมวิ่งเทรล Khlonglan Trail Running 2022, วันที่ 30 ธ.ค. 65 จ.มุกดาหาร จัด กิจกรรมวิ่ง Night Run สีสันแห่งเมืองมุก, วันที่ 31 ธ.ค. 65 จ.ชุมพร จัดกิจกรรม Grand Sand Dune Beach Run and Countdown 2023
สำหรับโครง การ 1 จังหวัด 1 Sport Event จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศจะทยอยจัดงานไปจนถึงต้นปี 2566 โดยผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงกีฬา สามารถติดตามตารางกิจกรรมทั่วประเทศได้จากลิงค์ bit.ly/3YFeLed ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะทยอยประกาศตารางกิจกรรมของแต่ละเดือนในแต่ละจังหวัดให้ทราบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี