ทร.ปฏิบัติการค้นหาลูกเรือร.ล.สุโขทัยต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 เดินหน้าค้นหาผู้สูญหายอีก 5 นายที่เหลือ ผบ.ทัพเรือภาค 1 ลั่นจะค้นหาจนกว่าจะเจอเพื่อนครบทุกคน เพิ่มมนุษย์กบ - 28 หน่วยซีลปูพรม 7 เกาะในทะเลชุมพร หวังพบเคสสีเขียว โดมสื่อสารลอยไกลติดเกาะเต่า สุราษฎร์ฯชิ้นที่ 3
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยความคืบหน้าปฎิบัติการค้นหาลูกเรือเรือหลวงสุโขทัยที่ยังสูญหายอีก 5 นายว่า กองทัพเรือ (ทร.) ยังคงเร่งค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางในพื้นที่ลาดตระเวนตามแผน ประกอบด้วย เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงนราธิวาส เรือ ต.114 และ เรือ ต.270 รวมถึง เรือ อากาศยาน ทั้งของกองทัพเรือ รวมถึงหน่วยงานทั้ง กองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานในศูนย์อำนวยการรักษาพื้นที่ของชาติทางทะเล (ศรชล.) รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นของจ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร มูลนิธิ เครือข่ายประมง ที่ช่วยลาดตระเวนเดินเท้าค้นหาตลอดแนวชายฝั่งตั้งแต่อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯจนถึงจ.สุราษฎร์ธานี
ยืนยันตัวตนระบุชื่อได้อีก22คน
โฆษก ทร.กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลนั้น ขณะนี้สามารถยืนยันตัวบุคคลจากผลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ได้เพิ่มอีก 2 นาย ประกอบด้วย พ.จ.อ.คุณากร จริยศ และพลทหาร ชลัส อ้อยทอง สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนถึงเวลา 11.30 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิตรวม 24 นาย ในจำนวนนี้สามารถระบุชื่อได้แล้ว 22 นาย และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือและอยู่ในกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์ยืนยันตัวบุคคล 2 นาย คงเหลือผู้สูญหาย 5 นาย
สำหรับรายชื่อกำลังพลที่เสียชีวิต ซึ่งสามารถเพื่อยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว 22 นาย ประกอบด้วย 1. ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก 2. พันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ 3.พันจ่าเอก สมเกียรติ หมายชอบ 4.พันจ่าเอก อำนาจ พิมที 5. จ่าเอก จักร์พงศ์ พูลผล 6.จ่าเอก บุญเลิศ ทองทิพย์ 7.จ่าเอกชูชัย เชิดชิด 8. จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช 9.จ่าโท สหรัฐ อีสา 10.จ่าตรี สถาพร สมเหนือ 11.จ่าตรี นพณัฐ คำวงค์12.จ่าตรี ศุภกิจ ทิวาลัย 13. จ่าตรี ศราวุธ นาดี 14.จ่าตรี สิริธิติ งามทอง 15. พลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ 16. พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม 17. พลทหาร สิทธิพงษ์ หงส์ทอง 18. พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร 19.พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี 20. พลทหาร จำลอง แสนแก 21.พันจ่าเอก คุณากร จริยศ 22.พลทหาร ชลัส อ้อยทอง
เจอโดมสื่อสารติดเกาะเต่าเพิ่มอีกชิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.สุราษฎร์ธานี เวลา 09.30 น.นักท่องเที่ยวพบลูกทรงกลมใหญ่สีเทาติดเสา ลอยเกยตื้นติดโขดหินบริเวณหน้าหาดทรายแดง ด้านทิศใต้ของเกาะเต่า ต.เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จึงแจ้งตำรวจ สภ.เกาะเต่า และกู้ภัยเกาะเต่าเข้าตรวจสอบพบเป็นลักษณะโดมทรงกลมสีเทา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร มีฐานเป็นเสาเหล็กยาว 1 เมตร ภายในพบเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สื่อสาร มีจานไมโครเวฟ จึงนำขึ้นฝั่งไปเก็บไว้ตรวจสอบ
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเผยว่า ได้รับรายงานพบอุปกรณ์แล้ว จึงมอบให้ รอง ผอ.ศรชล. จ.สุราษฎร์ธานีแจ้งกองทัพเรือ คาดว่าเป็นอุปกรณ์สื่อสารของเรือหลวงสุโขทัย ก่อนหน้านี้พื้นที่เกาะเต่ามีสิ่งของเรือหลวงสุโขทัยลอยมาเกยชายหาดแล้ว 2 ชิ้น คือ เสื้อชูชีพและกระเป๋าเป้สะพายของลูกเรือ และโดมอุปกรณ์สื่อสารเป็นชิ้นที่ 3 ที่ลอยมาทางทิศใต้ของเกาะเต่า
เร่งค้นหาอีก5นายเน้นจุดเรืออับปาง
เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร.ล.สุโขทัย ท่าเรือประจวบฯ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) เปิดเผยว่า ปฎฺบัติการค้นหาวันที่ 11 ช่วงเช้าวันนี้ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่มเติม มีร่างที่รอพิสูจน์อัตลักษณ์ 4 นาย ยืนยันผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลช่วงค่ำวันที่ 28 ธันวาคมแล้ว 2 นายคือ พ.จ.อ.คุณากร จริยศ หรือหมอแชมป์ แพทย์ประจำเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งยืนยันผลตรวจ DNA จากฟันและรอยสักที่หลัง และพลทหาร ชลัช อ้อยทอง ส่วนที่เหลืออีก 2 ร่าง ที่ศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สภ.บางสะพาน รอตรวจพิสูจน์ DNA เปรียบเทียบกับญาติ ต้องค้นหาผู้ที่ยังสูญหายอีก 5 นาย เเละเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมช่วงบ่าย ตำรวจน้ำพบโดมสื่อสารของเรือหลวงสุโขทัย ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จึงนำขึ้นฝั่งและนำไปเก็บรักษาไว้ที่ มทบ.44 รวบรวมไว้เป็นวัตถุพยานทั้งหมด ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (29 ธันวาคม) พบโดมสื่อสารของเรือหลวงสุโขทัย ที่เกาะเต่า เรือตำรวจน้ำได้เก็บกู้ส่งไปเก็บไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 44 เช่นกัน
สำหรับปฎิบัติการในทะเล หมู่เรือช่วยเหลือที่ 1 มีเรือหลวง 4 ลำ ได้แก่ เรือหลวงตากสิน เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงกระบุรี และเรือหลวงนราธิวาส โดยเน้นพื้นที่ใกล้ฝั่ง ยกเว้นเรือหลวงตากสินจะลาดตระเวนพื้นที่ใกล้เคียงเรือหลวงสุโขทัยคือ ในเซ็กเตอร์ที่ 4, 2และ2A ส่วนเรือหลวงกระบุรี อยู่ที่ 5,5A เรือหลวงนราธิวาส พิกัด 5A,9A เรือ ต.114 อยู่ในพื้นที่ 9A เรือหลวงนเรศวร อยู่ในพื้นที่ 9 ขณะที่อากาศยานและ UAV ยังคงพื้นที่ลาดตระเวนเหนือพิกัดของเรือหลวงในพื้นที่เป้าหมายเน้นพื้นที่ที่คาดว่าจะพบผู้สูญหายที่เหลือ
เสริมมนุษย์กบ-ซีล/หวังเจอเคสสีเขียว
“ปฏิบัติการพิเศษวันนี้ ได้จัดชุดปฎิบัติการพิเศษ (ชปพ.)จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการหรือหน่วยซีล (SEAL) เพิ่ม 2 ชุด มีกำลัง 28 นาย พลสนับสนุน 2 นาย เรือความเร็วสูง 1 ลำ พร้อมเรือยางของมนุษย์กบ 4 ลำเข้าปฏิบัติหน้าที่ในพิกัดสำคัญคือ จ.ชุมพร บริเวณเกาะเสม็ด เกาะสาก หาดผาแดง เกาะมะพร้าว เกาะละวะ เกาะมาตราและเกาะกา ส่วนทางเท้าตั้งแต่บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ถึงบ้านดอน จ.สุราษฎ์ธานีเพิ่มมนุษย์กบเสริมกำลัง ตั้งใจหาครอบครัวเราให้ครบทุกคน ซึ่งอีก 5 นายที่เหลือ ยังคาดหวังว่า จะเป็นเคสเขียวอยู่บ้าง”พล.ร.ท.พิชัยกล่าว
ถ่ายภาพเรือเสร็จวางแผนเก็บกู้
และว่า ส่วนหมู่เรือช่วยเหลือที่ 2 ซึ่งมีเรือหลวงบางระจันและเรือหลวงราวี เป็นกำลังสำคัญ วันนี้เรือหลวงบางระจันจะเสร็จภารกิจถ่ายภาพเรือหลวงสุโขทัย ที่บันทึกภาพรอบเรือนำมาประกอบการวิเคราะห์และเตรียมการเก็บกู้เรือ ซึ่งทร.ให้กองเรือยุทธการเป็นผู้ดำเนินการ โดยเรือหลวงบางระจันจะถอนตัวเพื่อไปปฎิบัติภารกิจในฐานะกองเรือทุ่นระเบิดในพื้นที่ฝั่งอันดามันแทน ส่วนเรือหลวงราวีและนักประดาน้ำยังคงปฎิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายที่เรือหลวงสุโขทัยต่อ ซึ่งกองทัพเรือเป็นห่วงเรื่องอุปกรณ์ที่อยู่บนเรือโดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์อาจเสียหาย ซึ่งเรือหลวงที่ออกปฏิบัติการยังทำหน้าที่เฝ้าระวังด้วย แม้แต่กลางคืน เพื่อเฝ้าระวังผู้ที่อาจจะเข้ามาในพิกัดที่ เรือหลวงสุโขทัยอับปางด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี