แห่กลับต่างจังหวัดคึกคัก
ฉลองเทศกาลปีใหม่
ทุกขนส่งแน่น-จราจรคับคั่ง
มท.1กดปุ่มคุม7วันอันตราย
สั่งเข้มลดอุบัติเหตุเจ็บตาย5%
เริ่มวันแรกมท.เปิดศูนย์ 7 วันอันตรายปีใหม่ 2566 ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุ ลดยอดเจ็บ– ตายให้น้อยกว่า 5% บรรยากาศทำงานวันสุดท้ายคนแห่กลับภูมิลำเนาแน่นทุกระบบขนส่งขณะที่ถนนทุกสายที่มุ่งออกต่างจังหวัดคับคั่ง
บขส.คนใช้บริการขาออกทะลุเป้าเกิน 5.5 หมื่นคน
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565-4 มกราคม 2566 ตามแนวคิดชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน
เปิดศูนย์7วันอันตราย-ลดเจ็บตาย5%
พล.อ.อนุพงษ์ย้ำเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครองตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้ดูแลความปลอดภัยและช่วยขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน ซึ่งมาตรการที่ดำเนินการจะเป็นไปตามกฎหมาย เมาแล้วขับจะยึดรถไว้ก่อน เป้าหมายของศปถ.คือ ลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บให้ได้ไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติช่วงเทศกาลเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมอบหมายให้ทุกภาคส่วน บูรณาการลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและจังหวัด เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายตาม 10 มาตรการหลัก และให้ทุกจังหวัดใช้กลไกด่านชุมชนป้องปรามกลุ่มเสี่ยงและบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุ บังคับใช้กฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด ตลอดจนดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีจุดตัดทางรถไฟด้วย
ทำงานวันสุดท้ายทุกขนส่งแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันทำงานวันสุดท้ายก่อนหยุดเทศกาลปีใหม่ 2566 ประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้ระบบขนส่งหนาแน่น ทั้งรถโดยสารที่หมอชิต 2 หัวลำโพง และท่าอากาศยานสำคัญทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยเฉพาะช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ บริการรถโดยสารทั้งในกำกับดูแลของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. และรถร่วมบริการต่างถูกจองเต็มทุกที่นั่ง
ผู้โดยสารขาออกทะลุเป้า5.5หมื่นคน
สำหรับการเดินทางของผู้โดยสารเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม มีผู้โดยสารเดินทางขาออกประมาณ 56,000 คน ทะลุประมาณการที่บขส. ประเมินไว้ 55,000 คน คาดวันนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางมากที่สุดของเที่ยวขาออกมากกว่า 60,000 คน บขส.จัดรถโดยสารเพิ่มอีก 600 คันวิ่งเที่ยววิ่งได้สูงสุดวันนี้ มากกว่า 4,000 เที่ยว และมั่นใจว่าจะส่งผู้โดยสารออกจากสถานีหมอชิต 2 หมดก่อนเที่ยงคืนวันเดียวกันนี้
ส่วนการเดินทางโดยสารรถไฟ ก็ถือเป็นวันเดินทางขาออกที่มีผู้โดยสารมากที่สุดเช่นกัน คาดประมาณ 1 แสนคน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษอีก 6 ขบวน จากขบวนปกติวันละกว่า 200 ขบวน ไป-กลับ ในเส้นทางสายเหนือ 2 ขบวน และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 4 ขบวน รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มประมาณ 8,000 คนต่อวัน โดยเสริมรถรวม 3 ขบวน ประกอบด้วย สายเหนือ 1 ขบวน และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 2 ขบวน การเดินทางขาออกโดยอากาศยาน ผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง คาดมีผู้โดยสารกว่า 70,000 คน มีจำนวนเที่ยวบิน 448 เที่ยวบิน ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 140,000 คน จำนวน 786 เที่ยวบิน ทำให้ภาพรวมการเดินทางผู้โดยสารที่สุวรรณภูมิ เพิ่มขึ้น 240%
สายเหนือ-อีสานรถคับคั่งทุกช่องทาง
เช่นเดียวกับ ถนนทุกสายออกจากกรุงเทพฯไปจังหวัดต่างๆ รถหนาแน่นคึกคัก ถนนเอเชียมุ่งสู่ภาคเหนือ และถนนมิตรภาพ สู่ภาคอีสาน รถเต็มทุกช่องจราจร ถนนเอเชีย ช่วงผ่านชัยนาท ปริมาณรถหนาแน่น ส่วนถนนมิตรภาพมุ่งสู่ภาคอีสาน แม้ประชาชนทยอยเดินทางมา 3-4 วันแล้ว แต่วันนี้ปริมาณรถยังหนาแน่นเต็มทุกช่องจราจร ซึ่งวันนี้ถือเป็น 7 วันอันตรายวันแรก ที่มีการเดินทางกลับกันมาก มีการจราจรติดขัดเป็นบางช่วง ซึ่งตลอดทั้งวันมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาต่อเนื่องจนถึงช่วงค่ำ
หนองคายเปิดศูนย์ฯลดอุบัติเหตุ
ที่จ.หนองคาย ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนจังหวัดหนองคาย ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 จังหวัดหนองคายขึ้น ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองคาย ศาลากลางจังหวัดหนองคาย ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565- 4 มกราคม 2566 ตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนน จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ศรีราชาแจกหมวกนิรภัย
วันเดียวกัน สภ.หนองขามร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอศรีราชาและเทศบาลนครแหลมฉบังเปิดจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตรายและจัดโครงการ”ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ”แจกหมวกนิรภัยฟรีกับประชาชนที่ขี่รถจักรยานยนต์สัญจรผ่านไปมาไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นการรณรงค์วินัยจราจร เพื่อให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งครั้งนี้ร่วมแจกหมวกนิรภัย 300 ใบ
ยอดจองกระเช้าของขวัญพุ่ง3.7แสน
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำ โครงการส่งความสุขในเทศกาลปีใหม่ด้วยสินค้าสหกรณ์ เป็นการนำสินค้าของสหกรณ์มาตกแต่ง จัดเป็นกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้ว 350 กระเช้า ยอดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 3.7 แสนบาท ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำที่ติดตามอุดหนุนกระเช้าปีใหม่ของสหกรณ์ทุกปี มีทั้งลูกค้าที่เป็นประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน ทำให้ในแต่ละปีสามารถสร้างยอดจำหน่ายกระเช้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการส่งเสริมการผลิต การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การพัฒนาธุรกิจของสหกรณ์ และสร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์เพิ่มมากขึ้น
สนามบินเชียงใหม่พร้อมรับผู้โดยสาร
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการปล่อยแถวเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก เทศกาลปีใหม่ 2566 เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 - 4 มกราคม 2566 ให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเกิดความประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ เนื่องจากในช่วงเทศกาลปีใหม่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปล่อยแถวดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ ด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ อาทิ ตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจ-คนเข้าเมือง ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 และกองบิน 41 เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี