สรุป4วันอันตรายช่วงปีใหม่
ดับพุ่ง218ศพ
เจ็บ1,647/เมาขับ4.3พันคดี
สาเหตุหลักขับรถเร็ว-เมาซิ่ง
แห่กลับกทม.จราจรหนาแน่น
‘บิ๊กตู่’สั่งดูแลความปลอดภัย
ศปถ.สรุป 7 วันอันตราย รวม 4 วัน เมา-ซิ่ง ดับแล้ว 218 ศพ เจ็บ 1,647 ราย เชียงราย ตายสูงสุด ด้านกรมคุมประพฤติ ชี้เริ่มต้นปี 2566 สั่งคุมประพฤติเมาขับ 4 วัน พุ่ง 4,300 คดีนายกฯ ห่วงประชาชนเดินทางกลับเข้า กทม.กำชับทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัย ขณะที่ถนนหลายเส้นทางจราจรหนาแน่น
เมื่อวันที่ 2มกราคม นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 โดยปภ.ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่4 ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ว่าเกิดอุบัติเหตุ 478 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 465 คน ผู้เสียชีวิต 66 ราย
สาเหตุอุบัติเหตุจากขับรถเร็ว
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.03 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.26 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 88.02 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 79.50 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.49 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 32.22 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 – 01.00 น. ร้อยละ 15.69 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 23.54 มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,887 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,851 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 401,164 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 59,862 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 16,696 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,070 ราย ขับรถเร็วเกินกำหนด 7,109 ราย
4วันสงขลาเกิดอุบัติเหตุสูงสุด
สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (27 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (31 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน สระแก้ว สุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 4 ราย) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (29 ธันวาคม 2565–1 มกราคม 2566) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,664 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,647 คน ผู้เสียชีวิตรวม 218 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 10 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ สุราษฎร์ธานี (56 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สกลนคร (57 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (12 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 10 จังหวัด
มุ่งเข้ากรุงจราจรหนาแน่น
อย่างไรก็ดี วันเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นวันหยุดวันสุดท้ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เส้นทางขากลับเข้าสู่กทม.และจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ มีปริมาณการจราจรหนาแน่น ซึ่งการสังสรรค์เฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน ศปถ.จึงเน้นย้ำให้จังหวัดเข้มข้นจุดตรวจโดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลัก-สายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมืองซึ่งผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูง พร้อมกับเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจยานพาหนะและรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อชะลอความเร็วและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่
ตรวจเข้มคนขับทุกเส้นทาง
ทั้งนี้ เน้นดูแลจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน รวมถึงประสานการเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณจุดตัดเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น โดบคาดว่าเส้นทางสายหลักจะมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน ทาง ศปถ.ได้กำชับให้จังหวัดสนธิกำลังอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ
เตือนไม่ใช้ความเร็วเคารพกม.
ขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถทุก 1-2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถ เมื่อมีอาการง่วงนอนให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์“ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
คุมประพฤติเมาขับ4.3พันคดี
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีขับรถขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันปีใหม่ 1 มกราคม 2566รวม2,666 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 2,613 คดี คิดเป็นร้อยละ 98.01 คดีขับเสพ 53 คดี คิดเป็นร้อยละ 1.99 ซึ่งสถิติยอดรวมสะสม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565-1 มกราคม 2566รวม4,508 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 4,300 คดี , คดีขับรถประมาท 11 คดี และคดีขับเสพ 197 คดี จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรายอดสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ร้อยเอ็ด 255 คดี นนทบุรี 252 และ เลย 245 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่4 ของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565มีรวม 52 คดี ส่วนปี 2566 มีรวม 2,613 คดี เพิ่มขึ้น 2,561 คดี
หนุนบริการประชาชน85จุด
สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชนและด่านชุมชน 85 จุด โดยร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ 852 คน แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น แผ่นพับประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
นายวีระกิตติ์ กล่าวอีกว่า จากการที่คดีขับรถขณะเมาสุราเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องเน้นย้ำมาตรการคุมเข้มสำหรับผู้กระทำผิดที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ การเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร การลด ละ เลิกแอลกอฮอล์
แจงปมเสี่ยงผู้กระทำผิดซ้ำ
นอกจากนี้ การคุมประพฤติยังมีการจำแนกความเสี่ยง หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา จะส่งบำบัดรักษา ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหากพบว่ามีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำสูงจะถูกส่งไปฟื้นฟูแบบเข้มข้นรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะเวลา 3 วัน โดยใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกับการทำงานบริการสังคม เช่น เข้าศึกษาการปฏิบัติงานในห้องดับจิต ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนเพื่อให้ผู้กระทำผิดรู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมาน การสูญเสียสมรรถภาพจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน กระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ให้มีความปลอดภัย
‘บิ๊กตู่’กำชับดูแลความปลอดภัย
ขณะที่น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ต่อเนื่อง โดยนายกฯ มีความห่วงใยประชาชนที่อยู่ในช่วงของการเดินทาง จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจท้องที่ ตำรวจทางหลวง และกระทรวงคมนาคม อำนวยความสะดวกในการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่ ให้การช่วยเหลือเต็มที่กรณีเกิดเหตุต่างๆ
โดยนายกฯ ฝากความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนที่ขับรถยนต์ส่วนตัว ขอให้เตรียมร่างกายให้พร้อมพักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง ขับรถด้วยความเร็วที่กำหนดปฏิบัติตามกฎจราจร หากมีอาการง่วงหรือเหนื่อยล้าขอให้หยุดพักตามจุดพักรถหรือจุดที่หน่วยงานต่างๆ จัดให้ ไม่ฝืนขับต่อจนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดความสูญเสียทั้งตนเองและผู้อื่น
จี้รถโดยสารสาธารณะเข้มงวด
ทางด้านรถโดยสารสาธารณะ อาทิ รถของบริษัทขนส่ง จำกัด รถร่วมบริการทั้งรถทัวร์ รถตู้โดยสาร ที่กรมขนส่งทางบกดำเนินมาตรการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร/จุดจอด จุด Checking Point และจุด Rest Area รวม 209 จุด ทั่วประเทศ ขอให้ยังคงความเข้มงวดในตรวจ ให้มีมาตรการดำเนินการทันทีเมื่อพบข้อบกพร่องไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรถ เปลี่ยนพนักงานขับ ให้มีมาตรการลงโทษหากพบการฝ่าฝืน
เพิ่มความระมัดระวังทางเรือ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่านายกฯ ยังมีความห่วงใยในส่วนการโดยสารทางเรือ เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่หลายเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งภาคใต้ และภาคตะวันออกมีการจัดงานและมีนักท่องเที่ยวเดินทางทางเรือเข้าร่วมจำนวนมาก จึงขอให้ทั้งหน่วยงานและผู้ประกอบการให้บริการเรือร่วมกันดูแลความปลอดภัยทั้งการไม่บรรทุกเกินน้ำหนัก การมีเสื้อชูชีพที่เพียงพอ กำชับให้ผู้โดยสารสวมชูชีพตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ เหล่านี้เป็นต้น
หมอชิตคึกคักแห่กลับกทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต2) ได้มีประชาชนเดินทางกลับจากต่างจังหวัด เป็นจำนวนมาก โดยรถทัวร์และรถตู้ ภายหลังเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมทั้งไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามจังหวัดต่างๆ ในช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยบางส่วนได้นำข้าวสาร อาหารแห้ง กลับมาด้วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในภาวะที่สินค้ามีราคาสูงขึ้น
สายเอเชียจราจรหนาแน่น
ส่วนที่ถนนสายเอเชีย ผ่าน จ.อ่างทอง ตั้งแต่ อ.ไชโย รอยต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี จนถึง อ.เมือง จ.อ่างทอง รอยต่อ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา มีการจราจรที่หนาแน่น เนื่องจากประชาชน แห่เดินทางเข้า กทม.ภายหลังกลับภูมิเลาเนาและท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนจะเตรียมพร้อมเพื่อเริ่มต้นกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยตลอดเส้นทางมีรถเต็มทุกช่องจราจร ใช้ความเร็วได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สลับกับหยุดนิ่ง มีการชะลอตัวเป็นระยะตามทางแยก ทางโค้งและตามคอสะพาน
มิตรภาพ-โคราชรถติดมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ ช่วงผ่าน จ.นครราชสีมา มุ่งหน้า กทม.ว่ามีปริมาณรถมาก เนื่องจากพี่น้องชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางกลับเข้า กทม.หลังจากหยุดเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่โดยบริเวณแยกสัญญาณไฟจราจรเขตชุมชน เช่น แยกสีดา อ.สีดา แยกบ้านวัด อ.โนนสูง และแยกบ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีปริมาณรถสะสมมาก แต่สภาพการจราจรโดยรวมรถยนต์ยังสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ แต่เคลื่อนตัวได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เนื่องจากปริมาณรถที่เริ่มทยอยกลับเข้า กทม.มีจำนวนเพิ่มขึ้นจึงคาดว่าปริมาณรถบนถนนมิตรภาพ จะเพิ่มต่อเนื่องจนปริมาณการจราจรหนาแน่นและติดขัด ซึ่งทางตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครราชสีมา ได้เปิดช่องทางพิเศษไว้รองรับ
รถชน8คันที่ปากช่องเจ็บกว่า30
ช่วงกลางดึก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน บนถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้า บริเวณสะพานใกล้กับศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยภายหลังตำรวจ สภ.หนองสาหร่าย ได้รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบ พบรถรวม8 คัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 4 คันรถกระบะ 3 คัน และรถทัวร์ 1 คัน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวม 34 คน และอีก 2 ราย ติดอยู่ในรถ ทางกู้ภัย ได้ใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง นำผู้บาดเจ็บออกมาและนำส่ง รพ.ปากช่องนานา แล้ว
ถนนเพชรเกษมจราจรหนาแน่น
ส่วนบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่ บนถนนเพชรเกษม ระยะทาง 220 กิโลเมตร ตั้งแต่ อ.บางสะพานน้อย ถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่าการจราจรเริ่มหนาแน่น โดยเฉพาะในช่องทางฝั่งขาเข้าจาก 14 จังหวัดภาคใต้ไปยัง กทม.ขณะที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ต้องอยู่ประจำจุดบริเวณสี่แยกถนนเพชรเกษมเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้รถใช้ถนน คอยปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรแต่ละช่วงเวลา เพื่อระบายรถไม่ให้มีปัญหาติดขัด
ประจวบฯดับแล้ว8เจ็บ28ราย
นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การเดินทางช่วงปีใหม่ ปริมาณรถทั้งขาล่องภาคใต้และขาขึ้นกลับ กทม.ของประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่กระจุกตัว โดยมีการทยอยเดินทางทั้งไปและกลับ ทำให้การจราจรไม่ตัดขัดเหมือนเช่นกับปีก่อน ประกอบกับมีการเฝ้าระวังในการใช้ความเร็ว ทำให้การเดินทางบนถนนสายหลักไม่มีอุบัติเหตุรุนแรง อย่างไรก็ดี สำหรับอุบัติเหตุรวม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565-1 มกราคม 2566 มีอุบัติเหตุสะสม 35 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 28 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเมาแล้วขับ และขับรถเร็วในถนนสายรอง อ.หัวหิน และ อ.สามร้อยยอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี