ปปส.เล็งอายัดอีก
ทรัพย์สิน‘ตู้ห่าว’
กว่า1,200ล้านบาท
‘ชูวิทย์’แฉสีกากีซ้ำ
ป.ป.ส.รุดตรวจสอบทรัพย์สิน“ตู้ห่าว” เพิ่มอีกกว่า 1,200 ล้านบาทหลังจากได้รับเบาะแสเพิ่มเติม ด้านเลขาฯ ป.ป.ส.ชี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดและแน่ชัดก่อนอายัดส่วน‘ชูวิทย์’แถลงเปิดตัวพยานในคดีเพิ่ม
เมื่อวันที่ 5 มกราคม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายชัยณัฐร์กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ผู้ต้องหากลุ่มทุนจีนสีเทา ในส่วนของ ปปส.ว่า ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มอีกกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินอื่นๆ ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่ได้รับเบาะแสเพิ่มเติมเข้ามาจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง โดยเบาะแสส่วนใหญ่ที่ได้รับจากนายชูวิทย์ หากเปรียบเป็นหวย ก็เกือบถูก จึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความแน่ชัดว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากยาเสพติดหรือไม่ ก่อนจะออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ต่อไป
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ปปส.ได้มีการออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ในคดีนี้ไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าในภาพรวมของคดีตู้ห่าว นั้น ทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จะเป็นผู้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ด้านนายชูวิทย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันเดียวกัน โดยมีการนำพยานที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าวมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนซึ่งเป็นทั้งผู้ที่ทำงานและรับเงินจากนายตู้ห่าว ตัวแทนบริษัทเอกชน ที่เคยรับว่าจ้างให้ทำงาน รวมถึงพยานที่อ้างว่าเป็นผู้ที่คอยเบิกเงินให้กับนายตู้ห่าว ครั้งละ 20-30 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่มาจากประเทศจีน และพยานรายนี้ได้เข้าให้การกับอัยการ เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่พยานกลับมาหานายชูวิทย์ เนื่องจากไม่กล้าไปพบตำรวจ เพราะไม่ไว้ใจ และอ้างว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีรู้จักกับตำรวจหลายนาย
ทั้งนี้ สำหรับเนื้อหาในการแถลงข่าวโดยสรุปมีอยู่10 ประเด็นที่สำคัญ ทั้งเรื่องการทำสำนวนของพนักงานสอบสวน ที่มีการอ้างว่าทำได้ดีอยู่แล้ว แต่นายชูวิทย์ไม่เห็นด้วย รวมทั้งการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่ไม่ละเอียดรอบคอบ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์มีรถยนต์ 1 คัน ที่ยังไม่มีการตรวจสอบ และมีการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยในการกระทำผิดออกจากบริเวณผับจินหลิง ซึ่งรวมถึงหลานชายของนายตู้ห่าว ส่วนการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์กล้องซีซีทีวี ในที่เกิดเหตุก็ไม่ครบถ้วนและมีการตัดต่อ โดยนายชูวิทย์ ย้ำไปถึงพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ว่า ควรจะตัดสินใจเปลี่ยนตัว ผบช.น.เนื่องจากมีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายว่า ในระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ได้นำเทียนมาจุดไฟเพื่อแสดงถึงความสว่างไสว เป็นสัญลักษณ์ถึงการทำคดี นายตู้ห่าว ที่ควรจะกระจ่างชัดในทุกประเด็น ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยืนยันว่า การที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ไม่ได้มีความต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของตำรวจ หรือหน่วยงานใด แต่หลักฐานต่างๆ เช่น คลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้องก็ได้มาจากตำรวจที่ตนเองมีอยู่นับพันคลิป ตำรวจก็มี จึงอยากให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้นายชูวิทย์ ระบุว่า หลักฐานที่ตนได้มานั้น ทั้งหมดตำรวจก็มีอยู่แล้ว แต่กลับไม่ดำเนินการให้ชัดเจน จนเกิดคำถามขึ้นมากมาย ส่วนการที่สังคมให้ความเชื่อถือตนมากกว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมแสดงความคิดเห็น สื่อมวลชนก็ต้องไปสอบถามว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี