เฝ้าระวังเข้มนักท่องเที่ยวเข้าไทย  ตังอนุกก.สกัดโควิด  ปลัดสธ.นั่งปธ.เหมือน‘ศบค.’

เฝ้าระวังเข้มนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตังอนุกก.สกัดโควิด ปลัดสธ.นั่งปธ.เหมือน‘ศบค.’

วันศุกร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เฝ้าระวังเข้มนักท่องเที่ยวเข้าไทย

ตังอนุกก.สกัดโควิด

ปลัดสธ.นั่งปธ.เหมือน‘ศบค.’

ยืนยันมีวัคซีนกว่า20ล้านโดส

เพียงพอฉีดให้ต่างชาติ-คนไทย

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติไฟเขียว 3 มาตรการหลักรองรับต่างชาติเที่ยวไทย ย้ำนักท่องเที่ยวต้องมีประกันสุขภาพวงเงิน1 หมื่นเหรียญ-เห็นชอบจุดบริการฉีดวัคซีนโควิดให้ต่างชาติที่สมัครใจ นำร่อง กทม.และจังหวัดท่องเที่ยว-

ตั้งอนุ กก.บริหารจัดการป้องกันโควิดดูแลคนเข้าประเทศ ด้านกรมควบคุมโรคตั้งด่านตรวจเฝ้าระวังผู้โดยสารต่างชาติ เปิดแล็ปตรวจหาเชื้อคนป่วยคล้ายโควิด ส่งตรวจหาสายพันธุ์ ย้ำวัคซีนในสต็อกมีมากกว่า20ล้านโดส พอฉีดให้คนไทยและต่างชาติ เผยค่าบริการวัคซีนให้ต่างชาติ แอสตร้าฯ 1,180/เข็ม ไฟเซอร์ 1,380/เข็ม


เมื่อวันที่ 12มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงหลังประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566ว่า สถานการณ์เดินทางเข้ามาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับมาตรการต่างๆอยู่ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ภายใต้อำนาจ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จึงประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการดำเนินงานร่วมกันใกล้ชิด เพื่อให้ทันสถานการณ์

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการและเปิดรับผู้เดินทางจากทั่วโลก มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ สายการบินมีคนเดินทางมากขึ้น 80% ทำให้ธุรกิจกลับมา พลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด ทางการจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเตรียมพร้อมรองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนให้สะดวกปลอดภัย ทั้งแก่ผู้เดินทางและประชาชนในประเทศ

ทั้งนี้ จากตรวจเยี่ยมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนเที่ยวบินแรก บรรยากาศการท่องเที่ยวระหว่างประเทศปรับตัวดีขึ้นมาก แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย ตลอด 3 วันที่ผ่านมา สถานการณ์เดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายอนุทินกล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อวันนี้ มีมติเห็นชอบ 3เรื่อง เรื่องแรก มาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด19 มี 3เรื่องย่อย คือ 1. มาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันควบคุมโควิดของไทยสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ให้บูรณาการความร่วมมือ ด้านการท่องเที่ยว คมนาคม ต่างประเทศ สาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น เฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางที่มีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจด้วย ATK/PCR ตรวจสายพันธุ์ของเชื้อโควิด เพิ่มกลไกการรายงานผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและตรวจสายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน

2. แนวทางทำประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยว เน้นผู้เดินทางจากประเทศที่กำหนดให้ขากลับประเทศต้นทางต้องมีผลตรวจ RT-PCR คือ จีนและอินเดีย ต้องมีประกันสุขภาพวงเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมการรักษาโควิด ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในไทยและบวกเพิ่มอีก 7 วัน กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้เดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับผู้มาประกอบภารกิจ รวมถึงลูกเรือ นักเรียน อาจใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงานเจ้าภาพหรือเอกสารแสดงการมีประกันรูปแบบอื่นรับรองแทน โดยเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อจะสุ่มตรวจเอกสารรับรองประกันสุขภาพของผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าว หากไม่มีเอกสารประกันสุขภาพ ผู้นั้นต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนเข้าเมือง และ3.แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อป้องกันควบคุมโควิด เน้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนได้รับวัคซีนโควิดครบ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการป้องกันการป่วยหนัก

สำหรับเรื่องที่ 2 นายอนุทินเผยว่า การให้บริการวัคซีนโควิดในชาวต่างชาติ ให้จัดระบบและกำหนดแนวทางให้บริการวัคซีนโควิดตามความสมัครใจ และคิดค่าบริการที่เหมาะสม ภายใต้กลไก Medical hub โดยวัคซีนที่ให้บริการจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลไทยจัดซื้อมาเท่านั้น และมีจุดบริการฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะนำร่อง แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แก่ สถาบันโรคผิวหนัง โรงพยาบาล (รพ.) นพรัตนราชธานี รพ.เลิดสิน รพ.ราชวิถี ศูนย์การแพทย์บางรัก สถาบันบำราศนราดูร และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ส่วนจ.เชียงใหม่ เปิดให้บริการฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยวที่รพ.ประสาทเชียงใหม่ จ.ชลบุรี ที่ศูนย์พัทยารักษ์ จ.ภูเก็ต หน่วยบริการที่ดำเนินการโดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต

“การบริหารจัดการวัคซีนให้คำนึงถึงปริมาณวัคซีนคงคลังที่ไม่กระทบประชาชนไทย และให้จัดสรรวัคซีนแก่ประชาชนไทยเป็นลำดับแรก”นายอนุทินย้ำ

และว่า เรื่องที่3 ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด- 19 รองรับการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อให้มีกลไกจัดการด้านสุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด มีการประสานงานมาตรการที่ใช้กับผู้เดินทางอย่างไร้รอยต่อ มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เปรียบเสมือน ศปก.ศบค.ที่จะกลั่นกรองมาตรการก่อนเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อฯ

ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวเพิ่มเติมว่า การเฝ้าระวังผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ จะมีระบบสแกนโดยให้สายการบินช่วยสื่อสารข้อมูล หากใครมีอาการไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วย อาการคล้ายโควิด สามารถตรวจ เรามีห้องปฎิบัติการที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะตรวจให้ฟรีว่าเป็นโควิดหรือไม่ และเก็บตัวอย่างส่งตรวจสายพันธุ์

สำหรับวัคซีนโควิด -19 ปี 2566 จะเน้นฉีดบูสเตอร์ในกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน โดยวัคซีนที่เตรียมไว้มากกว่า 20 ล้านโดสเพียงพอสำหรับคนไทย และพอให้ต่างชาติที่ประสงค์เข้ารับบริการ เพราะส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนมาแล้ว ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำรวจพบส่วนหนึ่งสนใจฉีด แต่ยังไม่รู้จำนวน เราเตรียมไว้ระดับหนึ่งที่เพียงพอ ค่าบริการรวมวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1,180 บาทต่อเข็มและไฟเซอร์ 1,380 บาท

ส่วนเรื่องประกันสุขภาพของผู้เดินทาง อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ต้องการกให้มีจำนวนวันที่เหมาะสมให้ครอบคลุมเพิ่มอีก7วันและวงเงินคุ้มครองไม่ต่ำกว่า1หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทราบว่ามีประกันของต่างประเทศที่ครอบคลุมอยู่แล้ว ส่วนประกันของบริษัทคนไทย ต้องการให้ทำแพคเกจเพื่อเวลาทำวีซ่าจะได้มีบริษัทของคนไทยให้เลือก สามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้ ขณะนี้มี 4 กรมธรรม์ที่ออกไปก่อนหน้านี้และครอบคลุมรายละเอียดตามนี้ แต่แพคเกจชุดใหม่ที่จะออกขอให้คุ้มครองมากขึ้น ซึ่งวันนี้ได้หารือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบริษัทมานำเสนอ โดยระบุว่าขอไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น อัตราการติดเชื้อ อัตราการทดแทนต่างๆ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top