บุรีรัมย์สุดสลดนักเรียนหญิง ม.2 โพส์ตระบายถูกเพื่อนร่วมห้องรุมบูลลี่ “พ่อแม่แยกทาง” ซํ้ายังโดนทำอนาจารในโรงเรียนเป็นประจำแต่ไม่มีใครช่วย น้อยใจคิดสั้นกระโดดนํ้าเสียชีวิต ยายเผยหลานพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ช่วยทัน และเมื่อปี 64 มีอาการป่วยซึมเศร้าหมอให้ยามารับประทานต่อเนื่อง
วันที่ 13 มกราคม 2566 ร.ต.อ.ไชยรัตน์ วงศ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนจมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำประจำหมู่บ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จึงประสานแพทย์เวร รพ.ลำปลายมาศ และหน่วยกู้ภัยสว่างฯ จุดเมืองแฝก ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหต
ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ ลึกกว่า 4 เมตร พบร่าง ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันนำขึ้นมาจากสระน้ำก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงแล้ว ตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้าย และญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เชื่อว่าน้องคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเอง
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่พบศพคนแรก บอกว่า ก่อนจะพบร่างนักเรียนชั้น ม.2 จมในสระน้ำ ผู้ใหญ่บ้านประกาศได้ว่ามีคนหาย ให้ชาวบ้านที่พบเห็นช่วยแจ้งเบาะแส ช่วงเย็นจึงออกมาเดินเลาะหาตามสระน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดในหมู่บ้าน ก็เห็นรองเท้าผ้าใบสีขาวเปื้อนโคลนอยู่ริมสระ เมื่อมองลงไปในสระเห็นก็เห็นเสื้อลอยเหนือน้ำ จึงตัดสินใจกระโดดลงสระเพื่อหวังจะลงไปช่วย แต่เมื่อนำขึ้นจากสระพบว่าน้องเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ
จากการสอบถาม ยายน้องมิว เล่าว่า พ่อกับแม่หลาน แยกทางกัน เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา และต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งหลานสาวไว้ให้ตากับยายเลี้ยง 2 คน คือน้องเอ คนโตอายุ 14 ปี และน้องสาว อายุ 12 ขวบ ตั้งแต่เด็กจนถึงชั้น ป.6 หลานเป็นคนร่าเริงปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่ตอนอนุบาลหลานก็เคยมาเล่าให้ฟังว่า ถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าพ่อแม่แยกทางกันบ่อยครั้ง ก็คิดว่าเป็นการล้อกันตามประสาเด็ก แต่พอเรียนชั้นมัธยมหลานเริ่มติดโทรศัพท์มือถือพูดน้อยลง ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง ตนก็คิดว่าอาจจะเป็นช่วงวัยรุ่น
กระทั่งเมื่อปี 2564 หลานเริ่มพยายามจะคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้ปวดเกินขนาดประมาณ 30 เม็ด แต่ตนไปเห็นจึงรีบพาหลานส่ง รพ. หมอลงความเห็นว่าหลานป่วยซึมเศร้า จึงให้ยามารับประทาน จากนั้นหลานก็พยายามฆ่าตัวตายอีกหลายครั้ง ทั้งกินยาเกินขนาด พยายามผูกคอตาย และกระโดดน้ำ แต่ตนเองและชาวบ้านที่เห็นช่วยไว้ได้ทัน แต่วันเกิดเหตุก็เห็นหลานแต่งตัวออกไปโรงเรียนตามปกติ แต่ตอนเย็นถึงเวลาเลิกเรียนแล้วไม่เห็นหลานกลับบ้าน จึงไปถามทางโรงเรียนก็บอกว่าหลานไม่ได้ไปเรียน จึงแจ้ง ผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยออกตามหา
กระทั่งมีคนไปเจอหลานจมน้ำในสระข้างวัดแล้ว ก็คิดว่าหลานคงคิดสั้นฆ่าตัวตายเองเพราะเคยพยามทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วส่วนสาเหตุก็คิดว่าเกิดจากภาวะซึมเศร้าที่หลานเป็นอยู่ ส่วนเรื่องที่หลานถูกเพื่อนบูลลี่นั้นหลานเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนเรียนมัธยมยังไม่เคยได้ยินหลานเล่าให้ฟัง เห็นแต่เพื่อนหลานมาบอกว่าหลานโพส์ตระบายว่าถูกเพื่อนบูลลี่
โดยโพส์ตในเฟชบุ๊กว่า “แหะ มาเล่าประสบการณ์จากชีวิตจริงให้ฟังค่ะ ตอนประถมเราโดนล้อเรื่องพ่อแม่เเยกทางกัน โดนรุมทำอนาจาร ทุกวันนี้คนที่ทำยังล้อเราอยู่เลย เขาดูมีความสุขมากที่ทำแบบนั้น เราผิดมากเลยใช่มั้ย วันนั้นเพื่อนเราอยู่ใกล้เราค่อนข้างเยอะ แต่แปลกที่ไม่มีใครช่วยเราเลย เรื่องพ่อแม่แยกทางกัน มันรู้สึกแย่ตรงที่เราโดนเอามาล้อ โพสต์นี้เราอยากระบายมาก” ก็เสียใจที่หลานคิดสั้นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าหลานเป็นคนตัดสินใจเอง
โดยครอบครัวได้นำร่างน้องเอ ตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ ที่น้องอาศัยอยู่กับตายาย บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ครู และนักเรียน มาร่วมแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่อง