วันที่ 13 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการจ้างงานในหน่วยงานภาครัฐ ตำแหน่งลูกจ้างเหมาบริการ จำนวนเกือบ 500,000 คนกำลังประสบปัญหาถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการจ้างงาน ซึ่งลูกจ้างเหล่านี้ต่างก็เป็นผลผลิตมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่8 และมติ ครม.ปี2544 ให้ลดจำนวนข้าราชการและลูกจ้างรัฐมาเป็นการจ้างเหมาบริการลักษณะจ้างทำสิ่งของ ซึ่งไม่ใช่การจ้างแรงงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ปี2541 ทำให้ลูกจ้างเหมาเหล่านี้ไม่มีสวัสดิการใดๆ เวลาเจ็บป่วยในเวลางานและนอกเวลางานให้ไปใช้สิทธิจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแทน

“ลูกจ้างเหมาบริการเหล่านี้น่าสงสารมาก ถ้ามีการจ้างงานถึงอายุ 60 ปี เมื่อเกษียณก็ไม่ได้อะไรเลย หรือเจ็บป่วย เสียชีวิตก็ไม่ได้รับการคุ้มครอง สู้แรงงานข้ามชาติที่มีกฏหมายประกันสังคมคุ้มครองก็ไม่ได้ ทั้งนี้สิ้นเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีลูกจ้างเหมาบริการจำนวน 10,000 คนตกงานไปแล้ว เพราะรัฐบาลไม่ต่อสัญญาจ้างงานเนื่องจากเป็นลูกจ้างเหมาที่จ้างตามภารกิจเงินกู้รัฐบาลสิ้นสุดลง ซึ่งไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เรื่องนี้ผมได้ไปยื่นหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีและ ก.พ.เพื่อให้มีการต่อสัญญาจ้างลูกเหมาบริการทั้งหมดออกไปอีกระยะ รอให้เศรษฐกิจดีขึ้นและโรคโควิดจางหายไปก่อน เพื่อให้คนเหล่านี้และครอบครัวที่เขาต้องดูแลไม่เดือดร้อนมากไปกว่านี้”นายมนัส กล่าว

หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ   กล่าวอีกว่า  พรรคแรงงานสร้างชาติมีนโยบายมุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานทุกระดับ เราจะผลักดันให้มีการปฏิรูปการจ้างแรงงานที่เป็นธรรมในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คำถามคือว่า ถ้าเราจะพัฒนาประเทศไทยไปข้างหน้า ให้มีสภาพเศรษฐกิจที่ดี แต่ว่าวันนี้คนทำงานยังมีการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีสวัสดิการ ค่าจ้างก็น้อยไม่พอยาไส้ แบบนี้ประเทศชาติจะเดินหน้าได้อย่างไร.