ผู้ปกครองเป็นมึน! ตำรวจปล่อยตัวโชเฟอร์รถบรรทุก 6 ล้อ หนุ่มวัย 25 ปีหัวร้อนหลังขับรถไล่บี้เอาเป็นเอาตายจี้รถกระบะรับส่งนักเรียน ที่มีเด็กนักเรียนนั่งอยู่ในรถเต็มคัน ขับปาดหน้า จี้ท้ายจนควันดำ ภาพวงจรปิดจับชัด แต่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้ปกครองจึงหันมาพึ่งสื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ช่วยตรวจสอบ ถามไปยังตำรวจแบบนี้ผิดหรือไม่
วันนี้ (13 ม.ค.66) จากกรณีมีผู้ปกครองไม่สบายใจต่อการดำเนินคดีของตำรวจ จึงได้โพสต์ในโซเชียล และร้องไปยังเพจดัง อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 ซึ่งได้มีการเผยเรื่องราวทั้งภาพถ่ายจริงในเหตุการณ์ พร้อมกับระบุข้อความว่า “#ร้องเรียนตรวจสอบ คนขับรถบรรทุกเจอคดีอะไรบ้าง ผู้ปกครองแจ้งมาว่าตำรวจปล่อยตัวไปแล้ว..หรือประกันตัวออกไป คุมสติและอารมณ์ไม่ได้ ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมชุมชนมากๆ พิกัด หมู่ 3 ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี
โดยรายละเอียดของผู้ปกครองเล่าวว่า 6 ล้อขับรถบีบแตรไล่รถนักเรียน ที่หน้าตลาดเบิร์ดคลองถม จุดแรกลงมาดึงกุญแจแล้วเขวี้ยงใส่โดนนักเรียน คนขับรถประจำก็ไม่ตอบโต้ จุดที่ 2 ยังจะตามขับรถไล่บี้ จนมาจอดส่งนักเรียนที่บ้าน ยังปาดหน้าแล้วลงมาต่อยคนขับรถประจำไปอีก เด็กนักเรียนเต็มท้ายรถ ทั้งตกใจ ร้องไห้ ขวัญเสียไปหมด แจ้งความก็ปล่อยตัวกลับบ้าน #แม่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด มันต่อยคนขับรถประจำแล้วก็เอากุญแจขว้างใส่เด็ก เจ้าหยกกับเพื่อนแขนบวมจากการโดนลูกกุญแจ และก็เด็กที่นั่งมาท้องไปกระแทกกับโครงเหล็กอีก 2 คน”
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดโดยระเอียด ซึ่งลงไปยังจุดที่เกิดเหตุอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี พบกับผู้ปกครอง ครู พร้อมด้วยชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และคนขับรถรับส่งนักเรียน พร้อมด้วยหนึ่งในนักเรียนที่นั่งอยู่ท้ายสุดของรถ พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดร่องลอยช่วงท้ายรถยนต์รับส่งนักเรียนที่ถูกรถบรรทุก 6 ล้อเฉี่ยวชน
นายสมศักด์ อายุ 66 ปี คนขับรถรับส่งนักเรียน เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ตนมีอาชีพขับรถนักเรียน รับส่งนักเรียนในหลายโรงเรียนจากตำบลบางป่า และพิกุลทอง เพื่อนำนักเรียนไปส่งภายในตัวเมืองราชบุรี ทำมากว่า 20 ปีแล้ว และเพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรก โดยในวันเกิดเหตุตรงกับเย็นวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 17.00 น.ตนกำลังขับรถยนต์กระบะรับส่งนักเรียน ที่บรรทุกนักเรียนมาเต็มคันรถประมาณ 10 กว่าคน หลังจากที่ตะเวนรับนักเรียนในเมืองและกำลังจะเดินทางกลับมายังบ้านในตำบลบางป่า และตำบลพิกุลทอง ขณะที่ขึ้นสะพานยกระดับข้ามทางรถไฟ หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีราชบุรี มีการเกิดอุบัติเหตุ ตนก็ตีรถเบี่ยงเข้าขวาเมื่อพื้นจุดที่เกิดอุบัติเหตุจะเบี่ยงเข้าช่องทางจราจรซ้าย มีรถยนต์บนนทุก 6 ล้อ ของคู่กรณีมาชนเข้าที่ช่วงท้ายซึ่งมีเด็กนั่งอยู่ เด็กๆ ได้ส่งเสียงร้องและกรี๊ดกันระงม และรถ 6 ล้อได้เบี่ยงเข้าช่องจราจรขวาตีคู่ ตนก็ยกมือโบกบอกไม่เป็นไร เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่อง กลัวเด็กๆที่นั่งมาหลังรถจะได้รับอันตราย จากนั้นก็ขับรถต่อไปเพื่อจะรีบไปส่งเด็กๆ
แต่คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ ก็ยังไม่หยุด พยายามขับรถไล่จี้ท้ายรถ จนเด็กๆ เกิดความหวาดกลัวพากันส่งเสียงร้อง ตนมองดูว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์ดี เพราะช่วงระหว่างทางไม่มีบ้านคน ตนจึงรีบขับหนีเพื่อจะไปส่งเด็กนักเรียนให้ถึงบ้านผู้ปกครองอย่างปลอดภัย แต่รถบรรทุก 6 ล้อก็ยังไล่กวดมาจนประชั้นชิด จนถึงสามแยก เทศบาลตำบลหลักเมืองและขับรถมาปาดหน้าให้ตนหยุด เมื่อรถไปไม่ได้คนขับรถ 6 ล้อจึงลงมาจากรถมาด้วยอาการนักเลงและโมโห เข้ามาชักกุญแจรถออกจากเบ้ากุญแจข้างพวงมาลัย ตนจึงคว้ามือไว้แต่ก็สู้แรงไม่ได้
จากนั้นคนขับรถบรรทุกได้ถามตนว่า “จะเอายังใง” คล้ายคนจะมาท้าต่อยท้าตี ก่อนจะปาลูกกุญแจเข้ามาในรถซึ่งไปโดนเด็กนักเรียนที่นั่งอยู่จนได้รับบาดเจ็บที่แขนและหัวไล่ ทั้ง 2 คน หลังจากนั้นตนจึงได้รีบพยายามขับรถหนีไปเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเรื่องปะทะชกต่อยกัน เกรงกลัวนักเรียนที่นั่งมาเต็มคันรถจะได้รับอันตราย จึงพยายามรีบขับต่อไป ซึ่งเด็กก็ตะโกนมาบอกตนจากข้างหลังว่า “ลุงมันยังขับไล่ตามมา” ซึ่งตอนนั้นตนก็บอกว่า “ช่างมัน” และรีบขับไปต่อ ซึ่งรถ 6 ล้อพยายามที่จะแซงตนตนก็พยายามขับขวางเพื่อไม่ให้แซง เพราะเป็นทางแคบ และติดคลองชลประทาน หากรถ 6 ล้อแซงและปาดหน้า รถยนต์ของตนที่บรรทุกนักเรียนมาเต็มคันอาจจะตกลงไปในคลองชลประทานได้ ด้วยความมีสติและห่วงเด็กๆ ตนจึงรีบขับไปจนถึงบ้านของผู้ปกครองนักเรียนที่อยู่เยื้องกับหน้าโรงเรียน และมีคนอยู่จำนวนมากเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ แต่รถบรรทุก 6 ล้อก็ไม่ลดละเร่งเครื่องไล่ตามจนควันดำโขมง
จากการสอบถาม เด็กชาย “ส” นามสมมุติ เด็กนักเรียนวัย 15 ปี ซึ่งนั่งมาในรถนักเรียนคันดังกล่าวเล่าว่า ตนนั่งอยู่เบาะท้ายสุด และภายในรถมีนักเรียนหญิงและชายมาเต็มคันกว่า 10 คน จังหวะที่รถบรรทุก 6 ล้อเข้ามาชนทุกคนก็ตกใจ นักเรียนคนที่นั่งท้ายสุดฝั่งตรงข้ามกับตน ที่ตรงจุดรถเข้ามาชนประชั้นชิดได้รีบกระโดดเข้าไปด้านในจึงปลอดภัย จากนั้นก็มีการไล่กวดตามกันมาตลอดทาง มีการใช้คำหยาบคาบด่าทอคุณลุงขับรถนักเรียน ซึ่งตนและนักเรียนที่นั่งมาเกิดความหวาดกลัว และตัวสั่นกันตลอดทาง จนมาถึงที่บ้านของนักเรียนคนหนึ่งที่นั่งมาด้วยกัน ซึ่งปกติจะต้องส่งตนเป็นบ้านแรก แต่ไม่สามารถจอดได้ จึงมาบ้านหลังที่ 2 หลังจากรถจอดผู้ปกครองและครูที่รออยู่ จึงเข้ามาพานักเรียนหลบห่างไปจากรถ ตอนนั้นตนกลัวมาก เพราะหากเกิดอุบัติเหตุมารถตกข้างทางก็ตกลงไปในคลอง หรือ ชนกันพวกตนอาจจะตายกันหมดหรือบาดเจ็บอย่างแน่นอน เพราะรถบรรทุก 6 ล้อไล่ขับมาด้วยความเร็วจนควันดำมาตลอดทาง
นายธนภัทร อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่ง เล่าว่า ตนได้รับสายจากลูกสาวว่ามีรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ไล่ตามมากวดกันจนควันดำเต็มถนน และเกิดหวาดกลัวส่งเสียงร้องกัน ตนจึงบอกให้ลูกตะโกนบอกลุงคนขับรถอย่าจอดข้างทางให้มาจอดที่บ้าน ซึ่งพ่อ แม่ และมีคนอื่นรอกันอยู่หลายคน จากนั้นไม่นานรถยนต์รับส่งนักเรียรนก็มาถึง เข้ามาจอดที่จุดที่ตนเองบอกไว้ จากนั้นรถบรรทุก 6 ล้อก็มาจอดขวางหน้า ก่อนจะลงมาจากรถ ซึ่งก็ก็เอามือขวางเข้าไว้ และบอก "ใจเย็นมีอะไรค่อยคุยกัน" แต่คนขับรถยนต์ก็สะบัดจนหลุดก่อนจะปรี่เข้าไปกระชากกระตูรถและต่อยเข้าไปที่หน้าของคนขับรถนักเรียนดังกล่าว ตนจึงเข้าไปล็อคคอและดึงแยกออกมา และบอกให้ใจเย็นมีอะไรค่อยคุยกัน และบอกว่า รถลุงเบรกเพื่อให้เขาชนท้าย ตนก็ตอบไปว่า "เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังใงเพราะมีเด็กมาเต็มคันรถจะเบรกให้ชนได้อย่างไร คุณขับรถมีจิตสำนึกไหมเด็กนั่งมาเต็มคันรถ แล้วรถคุณใหญ่ทำไมไล่บี้มาขนาดนี้ ก็อบรมสั่งสอนไป" แต่ก็ไม่เป็นผลก็ยังคงมีอาการหัวร้อนอยู่ จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดำเนินคดี
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก็พบว่า รถยนต์กระบะรับส่งนักเรียนได้บรรทุกนักเรียนมาเต็มคันรถ ได้วิ่งหลบหนี ซึ่งมีรถบรรทุก 6 ล้อ ที่บรรทุกขุยมะพร้าวมาเต็มคันพยายามวิ่งไล่บี้จนควันจากท่อไอเสียกลายเป็นสีดำ จนกระทั่งไปถึงจุดที่เกิดเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบข้อมูลขอวงคนขับรถบรรทุก 6 ล้อ ทราบว่าคือนายจักรพันธ์ อายุ 25 ปี นั่งรถมากับแฟนสาว โดยบรรทุกขุยมะพร้าวมาเต็มคันรถ โดยมาจากจังหวัดชุมพรและจะมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร และจากการตรวจสอบสารเสพติดไม่พบในร่างกาย และตรวจริมาณแอลกอฮอล์ก็ไม่เกินตามกฎหมายกำหนดเช่นกัน แต่ภายในรถมีรายงานว่าพบขวดบรรจุน้ำใบกระท่อม 1 ขวด
อย่างไรก็ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทราบว่า ทางตำรวจได้ปล่อยตัวคนขับรถบรรทุก 6 ล้อไปแล้วโดยให้ประกันตัวออกไป ซึ่งทางผู้ปกครอง ผู้ร้องเรียน ต่างไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสงสัยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคนขับรถบรรทุก 6 ล้อไม่สามารถคุมสติและอารมณ์ไม่ได้ ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมและชุมชนมากๆ โชคดีที่คนขับรถรับส่งนักเรียนสามารถคุมสติไว้ได้ และพานักเรียนมาส่งถึงมือผู้ปกครองได้อย่างปลอดภัย หากเกิดอันตรวย ไล่ขับกันจนชนท้าย หรือรถยนต์รับส่งนักเรียน ลงข้างถนน ตกคลองชนประทานจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ หรือเกิดโศกนาฏกรรมรับวันเด็กแห่งชาติ ใครจะรับผิดชอบ จึงฝากถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าทำโดยถูกต้องหรือไม่ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี