ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก “น้ำอุ่น” 8 ปี ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวพริตตี้สาว “ลันลาเบล” เสียชีวิต ส่วน “คิว” เจ้าของบ้านโดนฐานสนับสนุนเจอ 5 ปี 4 เดือน เช่นเดียวกับ “ตี๋-เฟิร์ส” จำเลยที่ 3-4 ให้ยกฟ้อง “โนบิ-ปิงปอง” จำเลยที่ 5-6 ชี้ไม่มีส่วนสนับสนุน แม่อดีตพริตตี้ ครวญ ลำบากมากต้องเลี้ยงดูหลาน เพียงลำพัง รายได้ไม่พอ
วันที่ 17 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาธนบุรี ถ.เอกชัย ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีการเสียชีวิตของพริตตี้สาว ลัลลาเบล หมายเลขดำ อ.1204/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายรัชเดช หรือน้ำอุ่น วงศ์ทะบุตร อายุ 26 ปี นายชัยพล พรรณนา หรือคิว อายุ 30 ปี เจ้าของงานปาร์ตี้บ้านย่านบางบัวทอง นายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร อายุ 34 ปี น.ส.พิกุลทอง หรือเฟิร์ส บุญภา อายุ 25 ปี แฟนสาวนายคิว นายกฤษฎา หรือโนบิ โลหิตดี อายุ 28 ปี นายโกเศศ หรือปิงปอง ฤทธิ์นิธิฤกษ์ อายุ 36 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 หรือ ก๊วนบ้านปาร์ตี้บางบัวทอง
กรณีพวกจำเลยจัดงานปาร์ตี้แล้วมอมเหล้า น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ พริตตี้สาวลันลาเบล แล้วพาไปกระทำอนาจาร จนช็อกเสียชีวิต
คดีนี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาลงโทษจำคุกนายรัชเดช หรือน้ำอุ่น จำเลยที่ 1 ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ลงโทษจำคุก 8 ปี ส่วนนายชัยพล หรือคิว จำเลยที่ 2 กับพวกให้ลงโทษฐานเป็น ผู้สนับสนุนกระทำความผิดลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้ง 6 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์รวม 748,660 บาท พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
วันนี้นายรัชเดช หรือน้ำอุ่น จำเลยที่ 1 และนายชัยพล หรือคิว จำเลยที่ 2 กับพวกจำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาลตามนัดพร้อมด้วยทนายความ
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า นายรัชเดช หรือน้ำอุ่น จำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ กระทำผิดตามฟ้องจริง อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น ให้จำคุก 8 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยที่ 2,3,4 อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน พิพากษา ฐานเป็นผู้สนับสนุนฯ จำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน
สำหรับจำเลยที่ 5 - 6 ศาลเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์ชี้ชัดว่ามีเจตนาร่วมจัดงานเลี้ยงเพื่อเอื้อโอกาสให้นายรัชเดช จำเลยที่ 1 กระทำผิดต่อตัวผู้ตาย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 ส่วนความรับผิดทางแพ่งต่อโจทก์ร่วม ยอดชดใช้เท่าเดิม 748,660 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันก่อเหตุ
ภายหลังฟังคำพิพากษา บิดาและมารดา ของลัลลาเบล เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาล ก็จะมีการพิจารณาเรื่องยื่นฎีกากับทนาย ที่ผ่านมาเดือดร้อนต้องเลี้ยงดูหลาน และมีรายได้จากการทำขนมขายเท่านั้น แม้จะมีบุคคลภายนอกช่วยเหลือค่าเทอมแต่ก็ไม่เพียงพอค่ากินค่าอยู่
ด้านทนายสุรเดช พจน์ยินดี ทนายความของครอบครัวลัลาเบล เปิดเผยว่า วันที่ 31 ม.ค.นี้ จะนำคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยื่นต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ที่คำนวณไว้ประมาณ กว่า 13 ล้านบาท อาทิ ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่าย ค่ารักษาหลานที่ป่วย ซึ่งจะมีการตกลงค่าเสียหายอีกครั้งโดยขอให้จำเลยจ่ายค่าเยียวยาเนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยียวยาเลย
ขณะที่นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิ จำเลยที่ 5 กล่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องลัลลาเบลอีกครั้ง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี ตนเองไม่เคยได้ไปแสดงความเสียใจ จนมาวันนี้ก็ผ่านการต่อสู้มาในชั้นศาลเป็นระยะเวลา 3-4 ปีตั้งแต่ศาลชั้นต้นและวันนี้เป็นการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งตนและนายโกเศศเชื่อมั่นมาตลอดว่าไม่มีส่วนร่วมการกระทำผิด รู้เห็นกับการกระทำผิดแต่แรกตนยืนยันเสมอว่าผมเป็นแขกที่ไปร่วมงาน ส่วนนายโกเศศก็เป็นคนที่เข้าไปภายหลังแล้ว การที่พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและฟ้องทุกคนที่อยู่ในนั้น ตนคิดว่าเป็นการใช้กฎหมายเกินขอบอำนาจ เพราะจะเห็นได้ว่าจำเลยที่ 5 -6 ค่อนข้างไกลจากเหตุการณ์และ ไม่ควรเพิ่มภาระให้ประชาชนที่ไม่น่าจะกระทำความผิดต้องเข้ามาสู่กระบวนการ หากเราเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานความจริงพูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม จงเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรม ซึ่งตนก็ต่อสู้เพื่อคนอื่นมาเยอะและก็พยายามต่อสู้เพื่อตัวเองด้วย ทั้งนี้คำพิพากษาที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คำพิพากษาของศาลแต่เป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นจากในโซเชียลต่างๆโดยที่ยังไม่มีการกลั่นกรอง แต่ชั้นนี้ก็เป็นการพิสูจน์เบื้องต้นในเรื่องของความจริงว่าจำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 6 ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน ในส่วนของจำเลยอื่นผมเชื่อมั่นว่าคนในกลุ่มนี้ไม่มีใครเป็นโจรโดนสันดานแค่เป็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ชอบดื่มสุราและชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตนเห็นดีเห็นชอบด้วย ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าศาลสูงอาจจะยังให้โอกาสจำเลยท่านอื่นที่จะยื่นฎีกาต่อไป
อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงมารดาของน้องเบลว่าถึงแม้พวกตนศาลจะยกฟ้องแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตนยังรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ ถ้าหากครอบครัวของน้องเบลมีสิ่งใดให้ตนช่วยเหลือก็สามารถแจ้งมาที่ตน หากเราสามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ตนก็ยินดี และหลังจากนี้ตนจะไปบวชให้ลัลลาเบล 3 เดือน หรือ 1 พรรษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น้ำอุ่นกับคิวและพวกอีก 2 คน อยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์ขอประกันระหว่างฎีกาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 16-17 ก.ย. 62 จำเลยทั้ง 6 จัดงานเลี้ยงปาร์ตี้สังสรรค์มีการดื่มสุรา ที่บ้าน หมู่ 5 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แล้วจ้าง น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลันลาเบล อายุ 26 ปี (อายุขณะนั้น) มาเป็นพริตตี้ชงเหล้าร่วมเต้นรำและร่วมดื่มสุรา จำเลยทั้ง 6 มีวัตถุประสงค์ให้ น.ส.ธิติมาดื่มสุราจนเมาและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วนายรัชเดช จำเลยที่ 1 ได้พา ลัลลาเบล ซึ่งอยู่ในภาวะมึนเมา โดยใช้กำลังประทุษร้ายไปกระทำอนาจาร อุ้มออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปขึ้นรถยนต์ของจำเลยที่ 1 พาไปที่ห้องพักคอนโดย่านตลาดพูล เขตธนบุรี ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยที่ 2-6 ร่วมกันสนับสนุนการกระทำผิด ของจำเลยที่ 1 โดยให้ลัลลาเบลดื่มสุราจนไม่สามารถครองสติและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วให้จำเลยที่ 1 พาไปกระทำอนาจาร
การกระทำของพวกจำเลยเป็นความผิดฐานซ่องโจร, พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210, 213, 278, 284, 310 กระทั้งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี