พรุ่งนี้-31 มกราคม ปล่อยนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ 29 คน ลุยใช้กฎหมายJSOC พ่วงมาตรการเฝ้าระวังหลังพ้นโทษสูงสุด 10 ปี แต่หากปฏิบัติตัวดีมีเสนอศาลลดเวลาเฝ้าระวัง
23 มกราคม 2566 ที่บริเวณด้านหน้าห้องประชุมชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมและสร้างความปลอดภัยให้สังคมรวมถึงแก้ปัญหาและลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำ โดยหลังจากวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 จะมีผลบังคับใช้นับแต่พ้นกำหนด 90 วัน จากประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น
นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำฯมีผลบังคับใช้เป็นวันแรก แต่การจะใช้บังคับได้ต้องมีกฎกระทรวงให้ครบถ้วน ซึ่งในการดำเนินการวันนี้ จึงเป็นการประชุมของคณะกรรมการ โดยมีตนในฐานะรัฐมนตรี เป็นประธาน (ชุดที่หนึ่ง) ส่วนคณะกรรมการอีกชุด คณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการการกระทำความผิดซ้ำ หรือ คณะกรรมการตามมาตรา 16 (ชุดที่สอง) ซึ่งมีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และคาดว่าคณะกรรมการชุดที่สอง จะประชุมเสร็จสิ้นภายในวันพรุ่งนี้(24 ม.ค.) อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามาถึง ซึ่งกฎกระทรวงนี้จะต้องรอประกาศลงราชกิจจานุเบกษาอีกด้วย สำหรับกฎหมาย JSOC ถือว่าได้ใช้เวลารวดเร็วเพียง 1 ปี 7 เดือนเท่านั้น
ส่วนผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ที่จะพ้นโทษในช่วงเดือนมกราคม มีจำนวนทั้งสิ้น 29 ราย โดยจะมีการทยอยปล่อยตัวตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. - 31 ม.ค. นี้ ตนได้พิจารณาขอให้มีการติดกำไล EM แก่ทุกราย อย่างไรก็ตามจะมีการนำบทเฉพาะกาลมาบังคับใช้ก่อน โดยระหว่างนี้ยังคงต้องให้ทางศาลพิจารณามีคำสั่งจากคำร้องที่กระทรวงยุติธรรมส่งไป หากศาลพิจารณาเห็นด้วย ก็จะมีคำสั่งให้ผู้ต้องขังดังกล่าวติดกำไล EM นอกเหนือจากเพียงการกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำฯ เราจึงต้องให้ความสำคัญ กับการใช้มาตรการต่างๆตามกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะการใส่กำไลอีเอ็ม กับบุคคลอันตราย รวมถึงใช้มาตรการคุมขังฉุกเฉิน
“หากพบว่าผู้ถูกเฝ้าระวังมีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเรื่องนี้ ศาล ก็กรุณาให้ความร่วมมือเปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อรองรับการขอคำสั่งคุมขังฉุกเฉิน เป็นเวลา 7 วัน อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ผู้ต้องขังอยู่ในระยะเวลากำหนดมาตรการเฝ้าระวังภายหลังพ้นโทษซึ่งสูงสุดถึง 10 ปี แต่ถ้าระหว่างนี้อาจ3หรือ5ปี ผู้ต้องขังมีพฤติกรรม หรือพฤตินิสัยที่ดี ไม่มีความเสี่ยงกระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำ ทางเราก็จะเสนอต่ออัยการเพื่อเสนอขอให้ศาลมีคำสั่งลดระยะเวลาการใช้มาตรการ และรวมไปถึงอาจขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งการใช้มาตรการดังกล่าวได้” รมว.ยุติธรรม กล่าว
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการที่จะใช้กับผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษไปนั้น ยังคงต้องรอให้คณะกรรมการชุดที่สอง ร่วมประชุมกำหนดมาตรการกันก่อนเสนอศาลเพื่อพิจารณามีคำสั่ง โดยที่มาของการออกกฎหมาย JSOC ว่า เหตุแห่งการออกกฎหมายฉบับนี้เพราะเห็นว่าคดีสะเทือนขวัญมักเกิดขึ้นบ่อยและเกิดขึ้นเกือบทุกปี และสื่อมวลชนรายงานข่าวโครมครามเพื่อเตือนให้ภาครัฐหาทางแก้ไข ตนจึงเห็นว่าต้องมีกฎหมายสำคัญฉบับนี้เพื่อหยุดกลุ่มคนประเภท เช่น ไอซ์หีบเหล็ก, วันชัย แสงขาว เป็นต้น และเราค่อนข้างภาคภูมิใจที่ทำสำเร็จ ในขณะที่ประเทศไทยยังมีโทษประหารชีวิตและถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนกดดันให้แซงค์ชั่นการค้า ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะช่วยบรรเทาความกดดันและหากกฎหมายฉบับนี้ใช้ได้ผล 100 % จะไม่มีใครต้องเสียชีวิตอีก และอาจจะนำไปสู่แนวทางที่ไม่มีการใช้โทษประหารชีวิต เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี