2 สามีภรรยาขายของออนไลน์ ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินไปลงทุนทิพย์ นาน 3 ปี สูญไปกว่า 2.1 ล้านบาท เสียทั้งที่ดิน วัว เครื่องมือประกอบอาชีพ เป็นหนี้นอกระบบ ได้เงินกลับมาเพียงหมื่นกว่าบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ม.ค. 2566 ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์ศรีสุวรรณ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ นายสุวรรณ พรมอุ่น อายุ 57 ปี และ น.ส.ฉวี ก่ำเกลี้ยง อายุ 51 ปี สองสามีภรรยา เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ขอให้เอาผิดกับกลุ่มมิจฉาชีพ หลังถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อไปลงทุนทิพย์นานกว่า 3 ปี สูญเงินไปกว่า 2.1 ล้านบาท เสียทั้งเงิน ทั้งที่ดิน ทั้งวัว ทั้งเครื่องมือประกอบอาชีพ โดยมี พ.ต.ท.สุนันธิวัฒน์ พรมทา รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ พร้อม พ.ต.ต. ยงยุทธ พลสงคราม สว.สส. สภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ รับแจ้งความและร่วมกันสอบปากคำผู้เสียหาย
น.ส.ฉวี ก่ำเกลี้ยง กล่าวว่า เดิมตนและครอบครัวทำธุรกิจผลิตน้ำเต้าฮวยขายในออนไลน์ ต่อมาช่วงเดือน ก.ย. ปี 63 มีคนเข้ามาคุยด้วยในไลน์ อ้างว่ามาจากกระทรวง สนใจอยากจะสั่งซื้อน้ำเต้าฮวยของตน ผมมีงบอยู่ 60 ล้าน ที่จะสั่งซื้อเพื่อจะนำมาจัดเลี้ยงให้กับทางรัฐบาล นั่งคุยอยู่นานตนเลยสนใจจะผลิตส่งไปให้ ก่อนที่กลุ่มมิจฉาชีพจะเสนอโครงการหนึ่งมาให้ เป็นรูปแบบไม่ต้องขายของแต่ได้เงินจริง ด้วยการโอนเงินแต่ค่าภาษีมาให้ และจะได้ยอดเงินจริงเข้าในบัญชี ซึ่งเงินทั้งหมดที่โอนเข้ามาทางกลุ่มมิจฉาชีพจะมีโอนเงินคืนไปให้ตนหมดทุกบาท เช่น อยากจะได้เงินจากการขายจำนวน 1,000 บาท โอนเงินค่าภาษีให้เค้าไปจำนวน 70 บาท ตนก็จะได้เงินเข้าบัญชีจำนวน 1,070 บาท
น.ส.ฉวี กล่าวต่อไปว่า เห็นแบบนั้นตนเลยสนใจ ครั้งแรกตนโอนเงินไปให้ ทั้งค่าภาษี ค่าเอกสาร ค่าดำเนินการ รวม 10,500 บาท แต่ก็ไม่ได้เงินตามที่กล่าวอ้าง มีแต่ไลน์มาบอกว่าเงินใกล้จะได้แล้ว รอเบิกเงินงบประมาณอยู่ ตอนนี้ติดเรื่องเอกสาร เรื่องนั้นเรื่องนี้ ตนยังไม่สงสัย ไม่นาน กลุ่มมิจฉาชีพอ้างอีกว่าติดเรื่องเอกสารดำเนินการคุณต้องโอนเงินค่าเอกสาร ค่าดำเนินการมาก่อนถึงจะได้ ตนต้องจำใจโอนเงินเข้าไปให้กลุ่มมิจฉาชีพอีก เป็นแบบนี้หลายครั้ง บ้างครั้งก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร บ้างครั้งก็อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องการขายของออนไลน์ และบางครั้งก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่คลัง ซึ่งเป็นแบบนี้มานาน ตนต้องขายที่ดิน ขายวัว ขายเครื่องมือทำมาหากิน และล่าสุดไปกู้เงินมา รวมถึงเอาเงินประกันข้าว ประกันรายได้ที่รัฐบาลจ่ายให้กับตนมาโอนค่าต่างๆให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ รวมๆแล้วกว่า 2.1 ล้านบาท ระยะเวลาที่โอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ตั้งแต่เดือน ก.ย.63 จนถึง ม.ค.66 รวมบัญชีธนาคาร ที่ตนโอนให้ประมาณ 8 บัญชี หลายชื่อ ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารของไทยพาณิชย์ กับ ธนาคารกสิกรไทย
น.ส.ฉวี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ตนโอนเงินไปกว่า 2.1 ล้านบาท ให้กลุ่มมิจฉาชีพมา ตนได้เงินจากกลุ่มมิจฉาชีพ เพียงหลักเหมื่นบาท ในช่วงเดือน ธ.ค. ปี 65 ตนรู้สึกสงสัยว่าจะถูกหลอก ตนเลยพยายามจะขอให้คืนเงินที่ตนลงทุนไปทั้งหมด แต่กลุ่มมิจฉาชีพก็อ้างว่าเดียวจะเบิกงบคืนเงินให้ แต่ตอนนี้ยังติดปัญหาในหลายๆด้าน ต้องรอก่อนนะ ตนจึงพยายามขอเงินที่ลงทุนคืนอยู่เรื่อยๆ จนล่าสุดครั้งสุดท้ายกลุ่มมิจฉาชีพได้ทักมาให้ตนโอนเงินเข้าไปเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ค่าเอกสาร อีก 450 บาท ตนก็โอนไปให้ แต่ก็ยังเงียบ ไม่มีเงินที่ตนลงทุนไปโอนเข้ามาแต่อย่างใด
“เมื่อเห็นว่าถูกหลอกแน่นอน ตนจึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ช่วยตามหาตัวกลุ่มมิจฉาชีพติดตามเงินกลับมาคืนให้ตน ซึ่งเงินที่ตนลงทุนไปนั้นถือได้ว่าเป็นทั้งชีวิตที่ทั้งหามา ทั้งขายมรดกมาลงทุน ทุกวันนี้ตนหมดตัวแทบล้มละลายแล้ว จะหาเงินมาลงทุนทำธุรกิจต่อก็แทบจะหาไม่ได้ ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาหมุนทำธุรกิจต่อ อยากจะฝากไปยังกลุ่มมิจฉาชีพด้วยถ้าเห็นข่าวนี้ออกไปยังไง ช่วยนำเงินตนมาคืนด้วย เพื่อตนจะได้นำไปต่อชีวิตและดำเนินธุรกิจต่อไป” น.ส.ฉวี กล่าว.-009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี