‘อธิบดีกรมโยธาฯ’ แจงปม ‘โครงการพัฒนาคลองลำท่าแดง จ.อ่างทอง’ อืด-ชาวบ้านโวยยังไม่ทันใช้หลายจุดชำรุด สั่งเร่งดำเนินการก่อสร้าง-แก้ไข รับปากแล้วเสร็จพ.ค.นี้
วันที่ 28 มกราคม 2566 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง(ยผ.) กระทรวงมหาดไทย(มท.) กล่าวชี้แจงกรณีชาวบ้านอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ออกมาโวยการก่อสร้างโครงการพัฒนาคลองลำท่าแดง ที่ใช้งบประมาณกว่า 158 ล้านบาท หลังสร้างมานานกว่า 4 ปี แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ พบหลายจุดชำรุด ผนังคอนกรีตแตกร้าว สายไฟถูกปล่อยทิ้ง ราวเหล็กไม่ยึดน็อตว่า โครงการก่อสร้างที่ล่าช้านี้ เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะบริเวณคลองลำท่าแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งในระหว่างทำการก่อสร้าง ได้เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ต้องหยุดการก่อสร้างในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไป ซึ่งต่อมาได้รับการผ่อนผันให้ขยายระยะเวลาก่อสร้าง โดยการคิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นผลให้สิ้นสุดสัญญาวันที่ 1มี.ค.2568
อธิบดีกรมโยธาฯ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพื้นที่โครงการฯ พบปัญหาและงานก่อสร้างบางส่วนที่ชำรุด จึงได้สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว ดังนี้ 1. กรณีผนังคอนกรีตแตกร้าว ตามแบบโครงสร้างคอนกรีตจะกำหนดให้มีรอยต่อทุกระยะ 30 เมตร ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยร้าวบริเวณรอยต่อได้แต่ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้าง โดยผู้รับจ้างจะทำการเก็บตกแต่งรอยต่อหลังจากก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กหลังคันป้องกันแล้วเสร็จ เนื่องจากจะมีการสั่นสะเทือนในขั้นตอนการก่อสร้างถนน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเก็บตกแต่งรอยต่อได้ 2.กรณีสายไฟฟ้าปล่อยทิ้งไว้ สายไฟดังกล่าวเป็นสายไฟฟ้าแสงสว่างที่ติดตั้งบริเวณกำแพงกั้นน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งบางจุดยังไม่ได้ทำการติดตั้งโคมไฟ จึงเก็บสายไฟฟ้าไว้ในกล่องต่อสาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้จ่ายกระแสไฟฟ้า หากโครงการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถต่อสายไฟฟ้ากับโคมไฟ เพื่อใช้ส่องสว่างได้ทันที 3.กรณีราวเหล็กไม่ยึดน็อต ราวเหล็กดังกล่าวเป็นงานราวกันตกที่ติดตั้งบนกำแพงกั้นน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งบางช่วงอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างจึงยึดน็อตไม่แล้วเสร็จ และบางช่วงมีการรื้อย้ายไปแก้ไข ซึ่งกรมฯ ได้ประสานผู้รับจ้างให้ดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วแล้ว และ 4.กรณีงานก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กล่าช้า เนื่องจากมีงานก่อสร้างงานเรียงหินและงานเทคอนกรีตโครงสร้างระเบียงบริเวณด้านหน้าคันป้องกันน้ำท่วม ซึ่งต้องใช้รถบรรทุกและเครื่องจักรในการทำงานอาจทำให้ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กชำรุดเสียหายได้ จึงได้วางแผนก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นงานลำดับท้าย
“ขณะนี้กรมโยธาฯ ได้มีมาตรการเร่งรัดการปฏิบัติงานให้ผู้รับจ้างดำเนินงานก่อสร้างในส่วนที่เหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ปัจจุบันมีผลการดำเนินงาน 87% โดยงานทั้งโครงการมีกำหนดการจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.2566 เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยต่อไป” นายพงศ์รัตน์ กล่าว