6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา สํานักงาน ปปส.ภาค 1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ "เฮียเยะ เชียงราย" เพื่อนํามาจําหน่าย และแพร่กระจายในภาคกลางและภาคตะวันตก โดยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายบุญหลง อายุ 42 ปี ลําเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย จึงประสานให้ สภ.มหาราช ตั้งจุดสกัดที่ถนนสายเอเชีย กม.47 บริเวณหน้าตู้ยาม ต.02 สภ.มหาราช ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนกําลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เหลือ ได้วางกําลัง เฝ้าสังเกตุการณ์ตามเส้นทางหลักและรอง เพื่อจะสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดในครั้งนี้
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันเดียวกัน นายบุญหลง และ นายสรวิชญ์ ได้ขับรถตู้ของกลางที่ใช้บรรทุกยาเสพติดมาถึงจุดสกัดของ สภ.มหาราช เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงเรียกให้หยุดและแสดงตนเข้าตรวจ ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่ที่พื้นและเพดาน ของรถที่ทําเป็นช่องลับเพื่อซุกซ่อน พบ 1. ยาเสพติดยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 รวม 1,739,980 เม็ด 2.แฮปปี้ วอเตอร์(HAPPY WATER) ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ลักษณะเป็นผงสีน้ำตาลคล้ายกาแฟสําเร็จรูป แบบ ทรีอินวัน จํานวน 34 ซอง 3.อีลิมิน5 (ERIMIN5) หรือ ไฟว์ ไฟว์ ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 จํานวน 1,690 เม็ด พร้อมรถยนต์และรถตู้ จำนวน 3 คัน
ยาเสพติดทั้งหมด หากนําไปจําหน่ายในท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 35 ล้านบาท และสามารถจับกุม น.ส.กัญญารัตน์หรือ อ๊อฟ อุดม อายุ 33 ปี ทําหน้าที่ขับรถนําสํารวจเส้นทางการลําเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือเข้าสู่ภาคกลาง นายวิฑูรย์ สระทองขน อายุ 47 ปี ทําหน้าที่รับยาเสพติดต่อจากกลุ่มผู้ลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือแล้วนําไปส่งให้กับนักค้าในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก น.ส.ณัฐชา กันดี อายุ 44 ปี ทําหน้าที่รับยาเสพติดต่อจากกลุ่มผู้ลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือแล้วนําไปส่งให้กับนักค้าในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก โดยตั้งข้อหาร่วมกันจําหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และประสาทประเภท 2 โดยการมีไว้เพื่อจําหน่าย และเป็นการกระทําเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันปลอมหรือใช้เอกสารราชการปลอม (แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์)
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ต้องชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทุกนาย ที่ได้ประสานความร่วมมือกันและสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญรายนี้ พร้อมได้ของกลางจำนวนมาก มีมูลค่ารวมกว่า 35 ล้านบาท โดยได้ขยายผลไปยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย ยังมีของกลางอีกบางส่วนรอการตรวจพิสูจน์ ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ที่ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังร่วมกันในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และให้เพิ่มความเข้มงวดโดยเน้นการเร่งรัดในการปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้ค้าทุกรายให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
สำหรับ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้กำชับในการประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำงานและให้เร่งรัดดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกรายในทุกมิติ ทั้งด้านการป้องกัน ปราบปราม การบำบัดรักษา อย่างจริงจังต่อเนื่อง นอกจากนี้ ได้ขยายผลไปตรวจยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทําผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ของนายบุญหลงฯ กับพวก ในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยยึดทรัพย์สินไว้เพื่อทําการตรวจสอบเป็นทองแท่งและ ทองรูปพรรณ,รถแทรคเตอร์,รถบรรทุก,รถยนต์กระบะ และรถยนต์ตู้,เงินสด และบัญชีธนาคาร หลาย รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งจะได้มีการขยายผลตรวจสอบทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดนี้จนถึงที่สุดต่อไป
โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปปส.ภาค 1 และ ปปส.ภาค 5 ที่ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญที่ถูกจับกุมในพื้นที่ทุกคดี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย