ผบ.ตร.สงขยายผล
สอบปมตั้งสมาคมเถื่อน-อ้างเบื้องสูง
คุมตัว‘หยู ซินฉี’ทุนจีนเทารายใหญ่
จ่อฟัน3ข้อหาหนัก/เพิกถอนวีซ่า
ตั้งกก.สอบ‘สารวัตรซัว-นายพล‘จ’
เอี่ยว‘พนันออนไลน์-น้ำมันเถื่อน’
ผบ.ตร.สั่ง “บิ๊กโจ๊ก” ขยายผล คดี “หยู ซินฉี” หนึ่งแก๊งทุนจีนสีเทา แบบ“ตู้ห่าว” ตำรวจบุก เชิญตัวถึงบ้านพัก หลัง “ฝ่ายค้าน-ชูวิทย์” ชี้เป้า ปม ใช้สมาคม-โรงเรียนเถื่อน แอบอ้างเบื้องสูง “บิ๊กโจ๊ก” จี้สตม.เพิกถอนวีซ่า จ่อฟัน 3 ข้อหาหนัก ฟันตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาต-แอบอ้างเบื้องสูง หาผลประโยชน์ ขึ้นแบล็กลิสต์ถาวร
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เชิญตัว นาย หยู ซิน ฉี ประธานมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย จากบ้านพักย่านวัชพล ไปสอบถามข้อมูล ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล เปิดข้อมูลและชี้พิกัดที่ตั้งว่าจัดตั้งสมาคมไม่ถูกต้อง แอบอ้างเบื้องสูง และผู้นำประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์
เจ้าหน้าที่เข้าแสดงตัวกับนายหยู ซิน ฉี ขณะเจ้าตัวเดินออกมาจากบ้านพัก จากนั้นแจ้งข้อมูลถึงสาเหตุการขอเชิญตัวไปสอบถามข้อมูล ซึ่งหยู ซิน ฉี ให้ความร่วมมือ ขึ้นรถของตำรวจออกจากหมู่บ้านไป เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ภายในอาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี
ส่วนการจะเข้าตรวจค้นบ้านพัก ขณะนี้ยังรอศาลอนุมัติหมายค้น เพื่อนำแสดงก่อนเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ในเนื้อที่ขนาด 80 ตารางวา อยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนจตุโชติย่านวัชรพล -วงแหวน
ยังไม่ระบุชัด ที่ตั้งสมาคมฯ
ตำรวจเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่าไม่สามารถระบุได้ว่าบ้านพักหลังนี้ใช้เป็นที่ตั้งของสมาคมหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าบ้านหลังนี้ นายหยู ซิน ฉี อาศัยอยู่เพียงลำพัง ส่วนเรื่องความผิดแยก เป็น 2 ส่วน คือ การจัดตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นหน้าที่ของกรมการปกครองที่จะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ตำรวจ สน. คันนายาว เพราะตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่มีการขอใบนุญาตในการจัดตั้งสมาคม
ขณะที่ความผิดเกี่ยวตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูลจากเจ้าตัวและรอผลการตรวจสอบค้นบ้านพัก เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาความผิด
ด้าน นายพิพัฒน์ยชญ์ วัชฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบ สำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครองยอมรับว่า ไม่เคยได้ยินชื่อของมูลนิธิ หยู ซิน ฉี กระทั่งปรากฏเป็นข่าว ประกอบกับข้อมูลจากนายชูวิทย์ โพสต์เผยแพร่ แจ้งเบาะแส ความน่าสงสัยของการจัดตั้งและการดำเนินการของ มูลนิธิ
เมื่อตรวจสอบข้อมูลในสารบบทะเบียนการจัดตั้งมูลนิธิของกรมการปกครอง พบว่าไม่มีประวัติการขอขึ้นทะเบียนการจัดตั้งสมาคม มูลนิธิ จึงเข้าข่ายความผิดการตั้งมูลนิธิโดยไม่มีใบอนุญาต
ผบ.ตร.สั่งขยายผล”หยู ซิน ฉี”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านสายไหมของนายหยูซินฉี เจ้าของมูลนิธิเถื่อนว่าตัวเองได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กับผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการ ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลัง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาอภิปรายเรื่องดังกล่าวในสภาผู้แทนราษฎร โดยล่าสุดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายหยูซินฉีซึ่งก่อนนายรังสิมันต์ จะออกมาแฉเรื่องนี้ตำรวจมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและอความร่วมมือจากประชาชนหากมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวให้นำข้อมูลส่งต่อให้ตำรวจ ตม.เพื่อใช้ประกอบสำนวนแนวทางการสืบสวนสอบสวน
“ส่วนนายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่นำข้อมูลดังกล่าวไปอภิปรายในสภาฯ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมานี่น มองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งต้องรอให้ตำรวจดำเนินไปตามกระบวนการก่อน”ผบ.ตร.กล่าว
ชัดแล้วตั้งมูลนิธิเถื่อน
ด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัวนายหยูซินฉี ผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกงการ การตั้งมูลนิธิเถื่อน และแอบอ้างเบื้องสูง ไว้ได้แล้ว ซึ่งพฤติกรรมของนายหยูซินฉี ที่ผ่านมา จะมาการถ่ายรูปร่วมกับบุคคลเพื่อนำไปแอบอ้างกับเพื่อนร่วมชาติสร้างความน่าเชื่อถือให้เข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน เพราะสำหรับคนจีนการก่อตั้งสมาคมหรือมูลนิธิถือเป็นเรื่องสำคัญ
“ขณะนี้พบมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมลงทุน ทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผู้เสียหายกลุ่มนี้เข้ามาให้ปากคำ พร้อมยอมรับว่าการแอบอ้างเข้าไปพบบุคคลสำคัญได้ จะต้องมีคนไทยที่เป็นข้าราชการเข้าไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยการดำเนินการหลังจากนี้จะมีการเพิกถอนวีซ่า ตั้งข้อกล่าวหา เรื่องการฉ้อโกง ตั้งมูลนิธิหรือสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อดำเนินคดีความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วเสร็จ จะผลักดันออกนอกประเทศโดยมีการขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ถาวร”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
บอกติดตามข้อมูลต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงนายหยู ซิน ฉี ที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่าใช้สมาคมและโรงเรียนเถื่อน แอบอ้างเบื้องสูง เปิดทางขบวนการทุนจีนสีเทาแบบ นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ ที่มาหากินในประเทศไทยว่า มีข้อมูลนายหยู ซิน ฉี แล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประสานพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒน์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เพิกถอนวีซ่านาย หยู ซิน ฉี
“ตำรวจมีข้อมูล เฝ้ามองพฤติกรรมอยู่ กลุ่มทุนจีนแบบนี้พฤติกรรมคล้ายเดิมเดินทางเข้ามาพยายามถ่ายรูปบุคคลสำคัญ แล้วเก็บไว้ ส่งกลับไปเมืองจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าอยู่เมืองไทยใช้เงินซื้อได้หมด แล้วแต่งเครื่องแบบมียศ มีตำแหน่ง มีเครื่องราชฯ เพื่อให้กลุ่มคนจีนที่จะเดินทางเข้ามามั่นใจการเข้ามาในประเทศไทยแล้ว มิหนำซ้ำ นาย หยู ซิน ฉี ซึ่งถือเป็นแถวแรก ที่จะเดินทางเข้ามา ยังไปเก็บเงินจากคนกลุ่มจีนเหล่านั้นด้วย ทำตัวเป็นพี่ใหญ่”
เมื่อถามว่า พฤติกรรมจะให้สมาคมเถื่อน โรงเรียนเถื่อน มาเอื้ออำนวยสะดวกให้จีนเทาทำวีซ่าใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ใช่แล้ว รูปแบบการตั้งสมาคม เป็นเรื่องใหญ่ ที่จะสร้างหน้าตา สร้างความน่าเชื่อถือ พอเห็นว่าเข้ามาไทยได้ตั้งสมาคม ถ่ายรูปบุคคลสำคัญ ผู้ใหญ่ แม้แต่ตนยังมีรูปกับคนบางกลุ่ม เวลาไปงานแล้วไม่รู้ตัว มีคนขอถ่ายรูป คนจีนเหล่านี้ใช้วิธีการคล้ายๆ แล้วทำวีซ่าเข้าประเทศ
เชื่อมี ‘ไอ้โม่ง’คอยช่วยเหลือ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ทำให้ผมต้องวนซ้ำมาที่ ตม.ที่เป็นเสมือนเป็นรั้วรอบบ้านที่เข้มแข็งไม่ใช่ไปเอาคนร้ายเข้ามาเอง เพราะฉะนั้นการดำเนินคดีกับตำรวจ ตม. เมื่อวานได้กราบเรียน ผบ.ตร.ไปแล้ว ซึ่งท่านได้กำชับให้ดำเนินคดีตรงไปตรงมา ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ขณะนี้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น มาตรการการดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะตม.จะต้องนำมาใช้อย่างชัดเจน เพื่อเอาคนดีเข้าประเทศ ส่วน คนร้ายเข้าประเทศยาก
“แน่นอนย่อมผู้อยู่เบื้องหลัง นายหยู ซิน ฉี ใคร ต้องขอตรวจสอบก่อน เพราะถ้าเขาไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งต้องไล่ต่อ แต่คนละเครือข่ายกับตู้ห่าว”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่าสำรับนายหยู ซิน ฉี นั้น จะตั้ง ข้อกล่าวหา 1.ความผิดฉ้อโกง เป็นการหลอกลวง ให้ลงทุนแล้วฉ้อโกง มีผู้เสียหายหลายรายทั้งไทย จีน หลอกให้ร่วมลงทุน ซื้อคอนโดฯ สร้างโรงแรม 2.ตั้งสมาคมเถื่อน 3.แอบอ้างเบื้องสูง หลังเพิกถอนวีซ่าแล้ว จะเอาตัวมากักใน ตม. แล้วดำเนินคดีความผิดอาญาในไทย หลังจากดำเนินคดีเสร็จ จะผลักดันออกนอกประเทศ แล้วขึ้นแบล็กลิสต์ขึ้นบัญชีถาวรห้ามเข้าประเทศอีกเด็ดขาด ส่วนการค้ามนุษย์ของ นายหยู ชิน ฉี ยังไม่มี ถ้าได้ตัวจะเข้าค้นรวบรวมพยานหลักฐาน น่าจะมีผู้เสียหาย หรือ รับแจ้งความหลังจากนี้ นอกจากกลุ่มนี้ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ตั้งแต่คดี ตู้ห้าว เรื่องผับลับ ทั้ง ผบ.ตร. ตนและผบช.น.ได้ดำเนินการ ทำให้กลุ่มจีนรีบออกนอกประเทศ
ตั้งกก.สอบ‘นายพล จ.-สารวัตรซัว’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เซ็นคำสั่งสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ที่ 2/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือ สง.ผบ.ตร. ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566ให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี เมื่อวันที่ 12-13 ก.พ.2566 ได้ปรากฏข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์และสื่อต่างๆ กล่าวถึงข้าราชการตำรวจนามว่า“สารวัตรซัว”ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และยังกล่าวถึง ข้าราชการตำรวจ นามว่า“นายพล จ”ว่า มีการจัดระเบียบการพนันออนไลน์ เรียกรับผลประโยชน์ แบ่งประเภทการจ่ายต่อเดือน
นอกจากนั้น ยังมีการพาดพิงถึงการเรียกรับผลประโยชน์น้ำมันเถื่อน เพื่อให้ปรากฎรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีข้าราชการ ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งอาญา ทางวินัยหรือไม่ อย่างไรและหากมีการนำเสนอข่าวหรือข้อมูลทางสื่อมวลชน หรือสื่อออนไลน์ในเรื่องเดียวกันนี้เพิ่มเติมหรือมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ให้รวมเรื่องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปในคราวเดียวกันแล้วรายงานผลการตรวจสอบมา เพื่อพิจารณาต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ และเกิดความรวดเร็ว รวมทั้งเกิดความถูกต้องเป็นธรรม จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
“ชูวิทย์”บอกทุกอย่างของจริง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้ทลายรัง“สารวัตรซัว”เจอของจริง“บิ๊กก้อง”ร้องเสียงหลง ซัวท่องเที่ยวไม่สนุกเหมือนก่อน คงไม่กลับไทย คิดว่า “เคลียร์” ได้ทุกครั้งเหมือนที่ผ่านมา ส่วน “ชู” ที่คิดว่าเดี๋ยวก็เหนื่อย หมดแรง คิดผิด เพราะทนกว่าที่เห็น เคยบอกแล้ว “งานนี้ต้องอึด” สุภาษิตชูวิทย์ ชีวิตกับสู้ของคู่กัน ชีวิตที่ไม่สู้มันไร้รสชาติ
ต้องล้มกระดาน แต่ข้อมูลไม่จบ เจอใครเอ่ยที่ “สวนทุเรียน” จ.จันทบุรี 300 ไร่ “สุชาดา” วัดกันได้เลย เพราะงานงอกลามไปยาวๆ ลูกน้องเครือข่ายโดนเรียงกระดาน แนะนำมา “มอบตัว” เสียดีกว่า ได้ข่าวแว่วๆ ว่า จะใช้วิธีสกปรกปล่อยคลิปแฉผมหรือ? ขอบอกไว้เลยว่า ”ผมไม่กลัว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี