เหนือ-อีสานอ่วมฝุ่น PM2.5 พุ่ง
พบเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เผย ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่าฝุ่น PM2.5 ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลค่าฝุ่นลดลงต่อเนื่องเกือบทุกพื้นที่
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวถึงค่าฝุ่นประจำวันที่ที่ 18 มี.ค.2566 ว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 15 พื้นที่ บริเวณ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อยู่ที่ 51 - 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพราะยังพบการเผาในที่โล่งและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบนและตอนล่างต้องเฝ้าระวังพิเศษ วัน 19 มีนาคม ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวสูงขึ้น เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 12 พื้นที่ และสีแดง 2 พื้นที่ บริเวณ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย และ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม อยู่ที่ 93 - 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นเกือบทุกพื้นที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากสภาพอากาศเริ่มเปิด แต่ยังพบเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 1 พื้นที่ บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน อยู่ที่ 62 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพราะสภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นและมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
สำหรับพยากรณ์อากาศในวันที่ 19 มีนาคม มีดังนี้
ภาคเหนืออากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่านอุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ และนครราชสีมาอุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียสลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี และสระบุรีอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)เมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียสลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.