วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘อภัยภูเบศร’ห่วงปชช.วิตกสัมผัส‘ซีเซียม-137’ แนะ 3 สมุนไพรเกราะป้องกันสารอันตราย

‘อภัยภูเบศร’ห่วงปชช.วิตกสัมผัส‘ซีเซียม-137’ แนะ 3 สมุนไพรเกราะป้องกันสารอันตราย

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566, 14.15 น.
Tag : ซีเซียม-137หาย ปราจีนบุรี สารกัมมันตรังสี โรงหลอมเหล็ก ขายของเก่า สธ. ซีเซียม137 อภัยภูเบศร สมุนไพร
  •  

‘อภัยภูเบศร’ห่วงใยประชาชน วิตกสัมผัส‘ซีเซียม-137’ แนะใช้ 3 สมุนไพร‘มะขามป้อม-ขมิ้นชัน-บัวบก’เป็นเกราะป้องกันสารอันตราย

21 มีนาคม 2566 จากกรณีการสูญหายของวัตถุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 จากโรงไฟฟ้าไอน้ำแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี ก่อนมีรายงานจากภาครัฐพบว่าวัตถุดังกล่าวได้ถูกหลอมจนกลายเป็นฝุ่นเล็กปนเปื้อนกัมมันตรังสี สร้างความกังวลด้านสาธารณสุขและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง


ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ไม่ได้อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อุบัติเหตุแบบนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ในประเทศไทยก็มีกรณีเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 ที่ไม่ใช้แล้วถูกแยกชิ้นส่วนออกมา หรือแม้กระทั่งประเทศที่เจริญอย่างออสเตรเลียก็เกิดเหตุแคปซูลบรรจุซีเซียมหายเช่นกัน วันนี้จึงเป็นโอกาสที่เราจะเรียนรู้เรื่องนี้ เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ และการดูแลสุขภาพเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้

ดร.ผกากรอง กล่าวว่า ซีเซียมจะแผ่รังสีหลักๆ คือ แกมมา และ เบตา ดังนั้นการสัมผัสต้องรู้ว่าเราสัมผัสที่ตัวสารกัมมันตรังสี หรือสัมผัสรังสี ซึ่งผลจะต่างกัน  ซึ่งหากสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 อาการที่พบคือ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว  ผิวหนังบริเวณที่โดนรังสีจะเกิดแผลไหม้พุพอง  ในกรณีสัมผัสปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อระบบเลือด กดไขกระดูก ระบบประสาท ชักเกร็ง และอาจเสียชีวิตได้ แต่หากได้รับหรือสัมผัสรังสี เป็นปริมาณสูงๆ ระยะเวลานาน ก็มีโอกาสที่จะไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลา  ซึ่งเรายังไม่มีข้อมูลมากพอ แต่ถ้าสัมผัสบ่อยๆ ก็ไม่ดี จึงต้องมีระบบความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้ อย่างเจ้าหน้าที่ ที่ใช้รังสี x-ray ในการวินิจฉัยความเจ็บป่วยก็ต้องมีเครื่องมือป้องกัน มีเครื่องวัดปริมาณรังสีติดตัว มีเครื่องตรวจวัดรังสีประจำห้อง

สำหรับสมุนไพรที่จะนำมาช่วยได้นั้น ดร.ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า ในระยะหลังมีงานวิจัยสมุนไพรที่ใช้ป้องกันรังสี อยู่พอสมควร เพราะเรานำรังสีต่าง ๆ มาใช้ในทางการแพทย์ ทางอุตสาหกรรม และมีโอกาสที่ประชาชน จะรับเอารังสีพวกนี้เข้าไปในร่างกายอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งเป็นการศึกษาในเซลล์และสัตว์ทดลองเป็นส่วนใหญ่ งานวิจัยในคนน้อยมากอาจเป็นเรื่องของจริยธรรม ในเรื่องของการป้องกันซีเซียมนั้น มีงานวิจัยในหนู โดยใช้น้ำต้มมะขามป้อมที่มีวิตามินซี เทียบเท่าการบริโภคในคน 500 มิลลิกรัมต่อวัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้วิตามินซีสังเคราะห์ และกลุ่มที่ไม่ให้อะไรเลย ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่หนูได้รับซีเซียมคลอไรด์ หรือเกลือของซีเซียม พบว่า หนูกลุ่มที่ไม่ได้อะไรเลย คือได้เพียงน้ำและอาหารปกติ  มีความผิดปกติของโครโมโซมมากที่สุด ส่วนหนูที่ได้สารสกัดน้ำมะขามป้อมมีโครโมโซมผิดปกติน้อยที่สุด รองลงมาคือวิตามินซีสังเคราะห์แต่ในทางสถิติของกลุ่มนี้ไม่ต่างกัน 

ทั้งนี้ การวิจัยในตอนนั้นที่ทำวิจัยในปี 1992 พบว่าฤทธิ์มะขามป้อมที่ช่วยต้านการทำให้โครโมโซมผิดปกติ มาจากวิตามินซี แต่ปัจจุบันพบว่าในมะขามป้อมมีสารอื่นๆ เช่น แทนนิน ฟลาโวนอยด์  ที่เป็นประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านก่อการกลายพันธุ์

“นอกจากนี้สารสกัดมะขามป้อมยังมีการศึกษาฤทธิ์ป้องกันรังสี ทั้งรังสีแกมมา และ รังสีอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดความผิดของเลือดและค่าชีวเคมี ช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตในหนูที่ได้รับรังสี ลดผลกระทบจากรังสี เช่น น้ำหนักตัวที่ลดลงในหนูที่ได้รับรังสี การลดลงของเม็ดเลือดขาว การลดลงของเอนไซม์ที่ใช้กำจัดสารพิษ ป้องกันไมโตคอนเดรียและสาย DNA รวมถึง โครโมโซมด้วย ซึ่งสารสกัดที่ใช้ในงานวิจัยก็มีทั้งสารสกัดน้ำและแอลกอฮอล์ ซึ่งหากในอนาคตอยู่ในพื้นที่เสี่ยง จะกินเพื่อป้องกันอย่างไร ก็แนะนำกินแบบมะขามป้อมต้มน้ำ เพราะปลอดภัยกว่าแอลกอฮอล์สกัด ปัจจุบันข้อมูลโภชนากรพบว่า 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะมีมะขามป้อมประมาณ 276 มิลลิกรัม  ถ้าจะกินให้ได้สัก 500 มก - 1 กรัม/วัน ก็ให้กิน 2-4 ขีด ซึ่งก็ถือว่ามากพอสมควร ต้องระวังท้องเสียด้วยในคนที่ธาตุเบา อีกวิธีมีการผลิตแบบอายุรเวทที่เขียนในงานวิจัยว่า เอามาผลมะขามป้อม ผสมกับผง แล้วทำให้แห้ง ทำแบบนี้ 21 ครั้งจะมีวิตามินซีเพิ่มขึ้น 3 เท่า ก็อาจจะเลือกสมุนไพรอื่นที่ก็มีหลักฐานเช่นกัน” ดร.ผกากรอง กล่าว

ดร.ผกากรอง ยังบอกด้วยว่า ขมิ้นชัน ก็เป็นสมุนไพรอีกตัวที่มีสารสำคัญ คือ เคอร์คูมิน มีคุณสมบัติปกป้องเซลล์  มีฤทธิ์ลดการอักเสบของเซลล์และต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย ลดอัตราการตายจากรังสี มีการศึกษาฤทธิ์ในการป้องกันรังสีรักษาของเคอร์คูมิน 3 กรัม/วัน ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ก่อนได้รังสีไปจนถึงระหว่างให้รวม 3 เดือน จากงานวิจัยพบว่า ลดผลข้างเคียงจากรังสีรักษาได้เมื่อเทียบกับไม่ใช้  ซึ่งในภาคประชาชนจะใช้ขมิ้นชันนั้น  อาจจะพิจารณาจากงานวิจัยอีกชิ้นที่พบว่า ขมิ้นชันมีเคอร์คูมินอยู่ 3.14% ดังนั้นหากจะกิน 3 กรัมจะต้องกินผงขมิ้น ประมาณ 100 กรัมหรือ 1 ขีด แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังในผู้ป่วย ท้องผูก หรือผู้ป่วยที่มีท่อน้ำดีอุดตัน หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

สมุนไพรอีกชนิดคือ บัวบก  มีงานวิจัยว่าช่วยลดผลกระทบจากรังสี เช่น การรับรสที่ผิดไป และน้ำหนักตัวที่ลดลงในหนูที่ได้รับรังสี โดยมีกลไกในการปกป้องเซลล์  ทั้งระดับ DNA และโครโมโซม  มีการวิจัยโดยการใช้สารสกัด ทั้งน้ำและแอลกอฮอล์ของบัวบก  ยังไม่มีการศึกษาในคน  แต่เมื่อเทียบงานวิจัยในหนูมาเป็นคน ก็กินบัวบกใบเล็กที่มีสารสำคัญทางยาสูงประมาณ 1 ขีด ปั่นกับน้ำสะอาด การกินต่อเนื่องต้องระวังความเย็นที่ทำให้ท้องอืดเฟ้อได้  การกินในงานวิจัยใช้ไม่เกิน 1-2 เดือน 

“การวิจัยส่วนใหญ่เป็นการป้องกัน  อาจนำมาใช้ในกรณีที่ ต้องเข้าพื้นที่เสี่ยง กินช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วหยุด แต่ทางที่ดีที่สุดคือไม่สัมผัส แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ สมุนไพรที่มีประวัติเป็นอาหารเหล่านี้ก็อาจเป็นทางเลือกได้” ดร.ผกากรอง กล่าว....-005

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘สมศักดิ์’สั่งเฝ้าระวังโรค‘แอนแทรกซ์’เข้มข้น ยับยั้งการแพร่ระบาด ‘สมศักดิ์’สั่งเฝ้าระวังโรค‘แอนแทรกซ์’เข้มข้น ยับยั้งการแพร่ระบาด
  • ‘อภัยภูเบศร-เรือนจำปราจีนบุรี’ร่วม World Expo 2025 โอซากา โปรโมท Thai Wellness สู่เวทีโลก ‘อภัยภูเบศร-เรือนจำปราจีนบุรี’ร่วม World Expo 2025 โอซากา โปรโมท Thai Wellness สู่เวทีโลก
  • ‘การท่าเรือ’หนุนผู้นำชุมชนคลองเตย ดูงานสมุนไพร‘ภูมิภูเบศร’สร้างต้นแบบเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน ‘การท่าเรือ’หนุนผู้นำชุมชนคลองเตย ดูงานสมุนไพร‘ภูมิภูเบศร’สร้างต้นแบบเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน
  • ‘รพ.อภัยภูเบศร-ดร.ภญ.สุภาภรณ์’เคียงคู่คว้ารางวัลเกียรติยศ ‘รพ.อภัยภูเบศร-ดร.ภญ.สุภาภรณ์’เคียงคู่คว้ารางวัลเกียรติยศ
  • \'สสส.-สธ.\'ชวนคนไทย\'นับคาร์บ\'ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ตัวช่วยกระตุ้นลดเสี่ยงโรค NCDs 'สสส.-สธ.'ชวนคนไทย'นับคาร์บ'ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ตัวช่วยกระตุ้นลดเสี่ยงโรค NCDs
  • ‘สธ.’เดินหน้ายุติ‘วัณโรค’ ตั้งเป้าปี78 ลดอัตราการตายร้อยละ 95 ลดผู้ป่วยรายใหม่ร้อยละ 90 ‘สธ.’เดินหน้ายุติ‘วัณโรค’ ตั้งเป้าปี78 ลดอัตราการตายร้อยละ 95 ลดผู้ป่วยรายใหม่ร้อยละ 90
  •  

Breaking News

สะเทือนขวัญ! เด็กวัย 15 แทงหญิงชราดับกลางเมืองชิบะ

‘เฉลิมชัย’แจงเหตุ‘สจ.กอล์ฟ’เป็นเรื่องส่วนตัว ยันไม่มีใครก้าวก่ายคดีได้

'วราวุธ'มั่นใจไม่มีการคว่ำงบฯ 69 เปรียบ'พท.-ภท.'เหมือนผัวเมีย มีกระทบกระทั่งกันบ้าง

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันอังคาร 13 พฤษภาคม​ 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved