ตรวจรอบโรงหลอมเหล็กซ้ำ
เฝ้าระวังเข้ม 1 เดือน
แจกเครื่องวัดรังสีให้กลุ่มเสี่ยง
ลุยสแกนสวนพืชผลเกษตร
ชาวบ้านโอดผลผลิตถูกตีกลับ
ลูกค้าผวาข่าวสารซีเซียม-137
ขนฝุ่นแดงส่งคืนปราจีนแล้ว
ผวจ.ปราจีนฯนำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูฯลงพื้นที่ต.หาดแก้ว แจกชุดตรวจรังสีประจำตัว 50 เครื่อง ให้ชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงในชุมชนรอบโรงหลอมเหล็ก วัดระดับรังสีเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อสร้างความมั่นใจ ใครยังกังวลไม่หายพร้อมตรวจฉี่ซ้ำรายบุคคล พร้อมนำเครื่องมือลุยสแกนในดิน-น้ำ –พืชผลการเกษตร หลังชาวบ้านโวยผลผลิตที่ส่งออกไปขายถูกตีกลับ นายกฯ สั่งการทุกหน่วยบูรณาการทำงาน ดูแลความปลอดภัยของประชาชน และตรวจสอบการปนเปื้อนสารซีเซียม -137 ในสิ่งแวดล้อมทุกจุดรัศมีโดยรอบอย่างละเอียด
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุวัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม – 137 หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์แพลนท์ 5 เอ จำกัด อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีหลังหายไป แล้วตรวจพบไปอยู่ในโรงหลอมเหล็กบริษัท เค ที พี สตีล จำกัด ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี ปะปนอยู่ในฝุ่นแดง ที่ได้จากการหลอมเหล็กบรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก 24 ใบ
แจกชุดตรวจรังสีให้ชาวบ้านรอบรง.
โดยนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ได้ลงพื้นที่ชี้แจงเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หาดนางแก้ว และอบต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี พร้อมตัวแทนชาวบ้านในการตรวจระดับรังสีในประชาชนกลุ่มเสี่ยง และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันตินำอุปกรณ์ ตรวจระดับรังสี ลงพื้นที่มอบชุดตรวจวัดรังสีประจำตัว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแก่ อาสาสมัครตรวจวัดรังสี ในพื้นที่เสี่ยงรอบโรงงาน 50 คน ได้แก่ พื้นที่อบต.หาดนางแก้ว 25 เครื่อง อบต.ลาดตะเคียน 25 เครื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
รอดูผล1เดือน-ใครยังกังวลตรวจฉี่ซ้ำ
นายกิตต์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่า เครื่องมือนี้มีประโยชน์เพื่อใช้ประเมินรังสีในระยะยาว การได้รับรังสีมี 2 ประเภทคือ 1.เห็นผลชัดเจนอย่างกรณีโคลบอล 60 ถ้าไปจับมีอาการผื่นแดงหรือเป็นแผลไหม้ ในเครื่องมือที่สำนักงานสนับสนุนมานั้น เพื่อตอบคำถามไขข้อข้องใจและลดความกังวลของประชาชนได้ระยะยาว เราให้ประชาชนติดเครื่องมือวัดรังสีติดตัวในชีวิตประจำวัน เครื่องนี้จะวัดและบันทึกข้อมูลกรณีรังสีแผ่เข้ามาถ้าใครได้รับรังสี แต่ถ้าไม่ได้รับรังสีผลจะบอกว่าวัดไม่เจอ เมื่อครบ 1 เดือนจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บ นำผลไปวิเคราะห์ รายงานกลับมาทางจังหวัด แต่ถ้าใครยังกังวลอยู่จะมีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด( สสจ.) ลงพื้นที่สุ่มตรวจปัสสาวะต่อไป
สุ่มตรวจรังสีในพืชผลการเกษตร
หลังจากนั้น นายรณรงค์พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ลงพื้นที่สำรวจ และนำเครื่องมือตรวจวัดระดับรังสี ในอากาศในดินและในน้ำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยผู้ว่าฯปราจีนบุรี และสำนักงานปรมาณูฯยืนยันว่าจากการที่ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือตรวจวัดระดับรังสีทั้งดิน น้ำ อากาศ ขณะนี้ยังตรวจไม่พบการฟุ้งกระจายของซีเซียม-137 ในชุมชน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามเฝ้าระวังใกล้ชิดทุกวัน นอกจากนั้น สำนักงานปรมาณูฯยังนำเครื่องดูดอากาศขนาด 30x 60 ซม. มาตั้งที่หน้า อบต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรีดูดอากาศในพื้นที่ทุก 1 ชั่วโมง ก็จะนำกระดาษในเครื่องมาตรวจวัดว่ามีรังสีซียมหรือไม่ รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่นำเครื่องมือเข้าไปในสวนเกษตรกร เพื่อวัดว่าพืชผลการเกษตรของชาวบ้านมีสารซีเซียมอยู่หรือไม่ เนื่องจากชาวบ้านแจ้งว่า ผลผลิตของชาวบ้านเมื่อส่งออกไปขายถูกตีกลับมาสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
ขนฝุ่นแดงระยองส่งคืนปราจีนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีบริษัท อี อาร์ พี จำกัด ตั้งอยู่หลังโรงเรียนบ้านหนองแฟบ ชุมชุนบ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โรงงานแยกผงเหล็กสังกะสี ที่ได้รับผงเหล็กมาจากโรงหลอมเหล็กที่จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตรวจพบสารกัมมันตรังสีซีเซียม -137 โดยได้รับมาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 12.4 ตัน รวม 16 ถุงบิ๊กแบ็ก ต่อมานายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองสั่งการให้ส่งคืนผงเหล็กดังกล่าวกลับบริษัทต้นทางที่ จ.ปราจีนบุรี วันเดียวกัน บริษัท เอ็น เอฟ เอ็ม อาร์ จำกัด ได้ขนผงเหล็กบรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก 16 ถุง ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ ส่งคืนบริษัทต้นทาง เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ ในกระบวนการขนออกไป ได้ยกใส่รถบรรทุกพิเศษที่ผ่านมาตรฐาน (วอ8) ที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับขนส่งกากอุตสาหกรรมของเสียที่เป็นอันตรายไปบำบัดหรือกำจัด โดยติดตั้งระบบ GPS เพื่อควบคุมรถ และปกปิดมิดชิด ป้องกันผงเหล็กฟุ้งกระจาย
นายกฯสั่งเร่งแก้ไขปมซีเซียมหาย
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามกรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 (Cesium, Cs-137) ในโรงงานหลอมโลหะ จังหวัดปราจีนบุรีต่อเนื่อง พร้อมสั่งการกำชับแนวทางทำงาน ป้องกันผลกระทบ วางแผนแก้ไขระยะยาวเพื่อปกป้องประชาชน รวมทั้ง สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ซีเซียม-137 หายออกจากโรงงานได้อย่างไร เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้
โฆษกรัฐบาลเปิดเผยเพิ่มเติมว่า หน่วยงานรัฐบาลได้แก้ปัญหากรณีสารกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-137 หายไปว่า กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อเฝ้าระวังและติดตาม สถานการณ์เกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจเฝ้าระวังและตอบสนองกรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในพื้นที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานหลอมโลหะที่เกิดเหตุ พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในเตาหลอมเหล็ก 1 เตา ในระดับต่ำ และในระบบดูดฝุ่น และระบบกรองฝุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะบรรจุลงในถุงขนาดใหญ่และนำไปจัดเก็บรวมกับ 24 ถุงที่ตรวจสอบพบการปนเปื้อนก่อนหน้านี้ ขณะที่ในชิ้นส่วนอุปกรณ์ถ่ายเทน้ำเหล็กไม่พบการปนเปื้อน และจากการตรวจวัดระดับปริมาณรังสีบริเวณหน้าดินในพื้นที่โรงงาน และปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อม พบว่าระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับเท่ากับระดับปริมาณรังสีในธรรมชาติ ทั้งในพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุและพื้นที่รอบโรงงาน รัศมีประมาณ 3 กิโลเมตร สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญคือ ผู้ปฏิบัติงานในบริเวณหรือช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ยืนยันถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานปัญหาสุขภาพของประชาชนจาก ซีเซียม-137 การตรวจเลือดของคนงานยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ