ชาวปราจีนยังผวาซีเซียม-137

บุกร้องนายกฯ

จี้ตั้งกก.ระดับชาติ-เร่งเยียวยา

ปชช.รอบโรงหลอมแห่ติดธงขาว

ไม่มั่นใจผลกระทบในระยะยาว

วอนรบ.ตรวจเลือดให้ทุก6เดือน

ชาวปราจีนยื่นร้องนายกฯขอให้แก้ปัญหาซีเซียมที่หายจากโรงไฟฟ้าฯต่อมาถูกพบในเตาหลอมโรงหลอมเหล็กเป็นการด่วน เสนอตั้งกก.ระดับชาติขึ้นมาใน 1 สัปดาห์ เร่งแก้ปัญหาระยะสั้นระยะยาว ยื่นคำขาดต้องไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก จี้บริษัทต้นทางรับผิดชอบ หลังถูกยกเลิกสินค้าเกษตร-กระทบท่องเที่ยวโรงแรม ด้านชาวบ้านรัศมี5กม.รอบโรงหลอมเหล็กพร้อมใจปักธงขาวหน้าบ้าน เรียกร้องหน่วยงานมาช่วยเหลือ ลั่นยังไม่มั่นใจหวั่นผลกระทบระยะยาว ชง3ข้อเสนอ“ตรวจเลือดทุก6เดือน-เยียวยา -ตรวจรอบชุมชน”

ความคืบหน้ากรณีวัตถุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 หายในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี ต่อมาถูกพบในโรงหลอมเหล็ก ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพจชื่อ “ผู้ต้องการความช่วยเหลือจากผลกระทบซีเซียม 137 กบินทร์” โพสต์ข้อความรณรงค์ให้ชาวบ้านที่อาศัยรอบโรงหลอมเหล็กระยะ 2-5 กิโลเมตร ปักธงสีขาวไว้หน้าบ้านแต่ละหลัง เพื่อสื่อสารให้สังคมและฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับรู้ว่า ชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือ เพราะกลัวผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีในระยะยาว ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกร่วมในเพจมากกว่า 200 คนแล้ว

นายฤทธิเดช บุญญาบูรณกิจ ผู้ดูแลเพจดังกล่าวเผยว่า หลังสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 เกิดขึ้นใกล้กับตัวเองและครอบครัว จึงอยากให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือ โดยชาวบ้านมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องการให้ตรวจเลือดทุก 6 เดือน เป็นเวลา 5 ปี 2.ไม่ว่าตอนไหน ถ้าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นจากรังสี ขอให้รักษาให้ฟรี พร้อมการเยียวยา และ3.ในรัศมีที่อยู่ ขอให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเข้ามาตรวจสอบ ส่วนที่ทำสัญลักษณ์นี้ขึ้นมา ก็เพราะอยากให้ช่วยเหลือพวกเราเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายทางการเมืองแต่อย่างใด

ด้านนพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี (สสจ.ปราจีนบุรี)กล่าวว่า วันนี้ (23 มีนาคม)ได้ลงพื้นที่พบประชาชนกลุ่มที่ติดธงขาว ที่ยังเป็นกังวล เพื่อชี้แจงให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น รวมถึงมอบหมายทีมเยียวยาจิตใจหรือ MCATT ลงพื้นที่ติดตามสุขภาพใจของคนในพื้นที่ ซึ่งหลายคนยังกังวล แต่เมื่อพูดคุยแล้วก็ผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนความชัดเจนในโรงหลอมเหล็กที่พบซีเซียม-137 ยังต้องเฝ้าระวังสุขภาพแรงงานกลุ่มเสี่ยงที่มี 70 คน แม้ผลตรวจเลือดขณะนี้ไม่พบความผิดปกติ แต่ยังต้องเฝ้าระวังแรงงานทั้ง 70 คนนี้ต่อเนื่องไปอีก 5 ปี โดยจะตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งวันที่ 5 เมษายนนี้

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคประชาสังคมจังหวัดปราจีนบุรี เข้ายื่นหนังสือผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้แก้ปัญหาซีเซียม-137 ที่หายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จ.ปราจีนบุรีเป็นการด่วน ซึ่งภาคประชาสังคมปราจีนบุรีเสนอให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยมีภาพประชาสังคมร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อติดตามการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมกันนี้ ยังได้มอบกระเช้าผักสดให้นายกฯได้รับประทานและการันตีว่าเป็นผักที่ปลอดภัย

โดยนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับมอบหนังสือได้กล่าวว่า รัฐบาลสั่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเร่งด่วนแล้ว

ด้านนายวิโรจน์ น้อยสำเนียง นายกสมาคมจิตอาสาพัฒนาปราจีนบุรีกล่าวว่า ต้องการให้เอาผิดถึงบริษัทต้นทาง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพราะหลังเกิดเหตุโรงแรมถูกยกเลิก พืชผลไม้ของจังหวัดถูกส่งกลับ ทั้งนี้ ขอให้มีการยืนยันว่าสินค้าจะถูกตรวจสอบจากเครื่องมือที่มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ มอบให้ชุมชนไปตรวจสอบ

“บริษัทที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต้องรับผิดชอบ เรื่องเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในแผ่นดินปราจีนบุรี ที่สำคัญต้องการให้นายกฯตั้งคณะกรรมการระดับชาติมาดูแลเรื่องนี้ โดยมีภาคประชาสังคมรวม เป็นกรรมการอยู่ด้วยไม่ใช่เพียงแต่หน่วยราชการรับผิดชอบอย่างเดียว” นายวิโรจน์กล่าว

ขณะที่นางระตะนะ ศรีวรกุล ประธานสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรี จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่พบสารกัมมันตรังสี แต่สิ่งที่เกิดผลกระทบตามมาคือ อาชีพการงาน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่ การเตรียมมาศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆส่งผลกระทบต่อประชาชน อยากให้มีการแก้ปัญหาระยะยาว เพราะประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ว่าที่อยู่อาศัยเสี่ยงสารกัมมันตรังสีในจุดอื่นอีกหรือไม่ และขาดการประชาสัมพันธ์ความรู้ความเข้าใจ เพราะมีหน่วยงานเดียวที่รู้คือ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งเป็นการจัดการกันเพียงไม่กี่หน่วยงาน

นางระตะนะกล่าวย้ำด้วยว่า มาตรการที่ชาวปราจีนบุรีเรียกร้องจากนายกฯ โดยระยะสั้นต้องเร่งตรวจสอบการปนเปื้อนหาปริมาณรังสี และการกระจายของรังสี ระดมเครื่องมือผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบเพื่อสรุปผลให้เร็วที่สุด รวมถึงต้องมีมาตรการจัดการฝุ่นเหล็กและวัสดุที่ปนเปื้อนสารซีเซียม-137 และการสื่อสารให้ข้อมูลต้องเป็นมืออาชีพ ระบุเวลาและเหตุการณ์ รวมถึงเส้นทางที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน

สำหรับระยะยาวต้องติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ เพราะมีมาตรการเยียวยาฟื้นฟูที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งข้อมูล ชนิดจำนวน ความรุนแรง มาตรการรับมือของวัสดุกัมมันตรังสี เฝ้าระวังต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้มีมาตรการชดเชยความเสียหายหลังเกิดเหตุคือ การถูกยกเลิกการซื้อสินค้าทางการเกษตร รายได้ที่หายไปจากภาคบริการและท่องเที่ยว อีกทั้ง ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา ให้หน่วยงานออกหนังสือรับรองความปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีฟรี