จุดความร้อนไทยพุ่ง

5,572จุดสูงสุดในรอบ5ปี

เชียงรายกระอักฝุ่นควันไฟป่าซ้ำ

ป่วยทางเดินหายใจเพิ่ม3พันคน

เชียงใหม่อากาศแย่อันดับ1โลก

เหนือ-อีสานยังสาหัส ค่าฝุ่นรอบ 24 ชม. พุ่งต่อเนื่อง สูงสุดในประเทศที่ อ.แม่สาย เชียงราย วัดได้ 551 มคก. เจอหมอกควันจากไฟป่าทั้งการเผาในพื้นที่และจากประเทศเพื่อนบ้านปกคลุมทั่วเมืองซ้ำเติม มองเห็นได้แค่ระยะไม่เกิน 2 กิโล ชาวบ้านเริ่มทนไม่ไหว นัดรวมตัวจี้รัฐแก้ไขด่วน ส่วนจิสด้าเผยจุดความร้อนในไทยทะลัก 5.5 พันจุด สูงสุดในรอบ 5 ปี ปลัด สธ.ลงพื้นที่ภาคเหนือ สั่งติดเครื่องฟอกอากาศ-เปิดห้องคลีนรูมสู้ สสจ.เชียงรายระบุยอดป่วยทางเดินหายใจรอบ 7 วันสูงถึง 3,478 ราย ส่วนคุณภาพอากาศเชียงรายแย่เป็นอันดับ 1 ของโลก

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ทั่วประเทศ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบค่าฝุ่นระหว่าง 10-551 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.

แม่สายเชียงรายฝุ่นพิษพุ่งที่1ของปท.

โดยภาคเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นได้ 37-551 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐานรวม 29 พื้นที่ เป็นพื้นที่สีแดง กระทบต่อสุขภาพ 19 พื้นที่ ได้แก่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่น 551 มคก./ลบ.ม. ซึ่งมีค่าฝุ่นสูงสุดใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นระหว่าง 32-221 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 8 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่สีแดง 4 พื้นที่ ได้แก่ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ค่าฝุ่น 96 มคก./ลบ.ม., ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย ค่าฝุ่น 131 มคก./ลบ.ม., ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม ค่าฝุ่น 95 มคก./ลบ.ม. และ ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ค่าฝุ่น 221 มคก./ลบ.ม.สูงสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

17จว.เหนือเฝ้าระวังถึง3เมย.

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ คุณภาพอากาศอยู่ระดับคุณภาพดีมากถึงปานกลาง นอกจากนี้ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษยังคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มควรเฝ้าระวังในภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านระหว่างวันที่ 28 มีนาคม-3 เมษายนอย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม.-2 เมษายน สถานการณ์อาจบรรเทาลงบ้าง เพราะสภาพอากาศเปิดมากขึ้น

จุดความร้อนไทยทะลัก5.5พัน

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานผลการติดตามสภาพอากาศรวมถึงจุดความร้อนในประเทศไทยประจำวันว่า พบจุดความร้อนมากที่สุด 5,572 จุด สูงสุดในรอบปี 5 จากการเก็บสถิติที่ผ่านมา ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเมียนมายังครองแชมป์สูงสุดถึง 10,563 จุด ตามด้วยประเทศลาว 9,652 บาท กัมพูชา 1,342 จุด เวียดนาม 870 จุด และมาเลเชีย 22 จุด

สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,982 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,785 จุด พื้นที่เกษตร 376 จุด พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 207 จุด , พื้นที่เขต สปก. 202 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 20 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับคือ น่าน 638 จุด แม่ฮ่องสอน 558 จุด และอุตรดิตถ์ 430 จุด จิสด้ายังออกคำเตือนผลกระทบจากเหตุไฟป่าและจุดความร้อนคือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 นอกจากนี้ สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ในพื้นที่ชายแดนได้ เนื่องจากอิทธิพจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา

เชียงรายอากาศแย่อันดับ1โลก

ด้านเว็บไซต์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ iqair ตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษเผยว่า สถานการณ์คุณภาพอากาศจากค่าฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤต โดย iqair ตรวจวัดคุณภาพอากาศในไทยประจำวันพบว่า จ.เชียงใหม่ คุณภาพอากาศแย่พุ่งอันดับ 1 เมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุดในโลก ซึ่งช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ วัดได้ 193 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ความเข้มข้น PM 2.5 ในเชียงใหม่ขณะนี้เป็น 27.5 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก (WHO) คุณภาพอากาศมีผลกระทบกับทุกคน ทั้งนี้ ประเทศไทย 10 อันดับเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุด ข้อมูลจนถึงเวลา 08.00 น. อันดับ 1 เชียงราย 429 มคก./ลบ.ม. อันดับที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย 407 มคก./ลบ.ม.

กทม.โล่งถึง2เมย.ลมพัดฝุ่นพ้นพื้นที่

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ระหว่างเวลา 05.00-07.00 น.วัดได้ 13-29 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงของกรุงเทพมหานคร 19.1 มคก./ลบ.ม. ค่า PM 2.5 มีแนวโน้มลดลงและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่ตรวจวัด ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 27 มีนาคม-2 เมษายน การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีตลอดช่วง ประกอบกับมีสภาพอากาศเปิด ทำให้ PM 2.5 แพร่กระจายได้ดี ส่งผลให้คุณภาพอากาศดีช่วงวันที่ 27-29 มีนาคม ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะที่ไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น เริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่แรก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด รวมถึงระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมเป็นต้นไป สถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะสภาพอากาศเปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับมีลมกำลังแรงช่วยพัดฝุ่นออกจากพื้นที่

ชาวบ้านทนไม่ไหวจี้รัฐแก้ปัญหาด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศในพื้นที่อ.เมือง จ.เชียงรายตลอดทั้งวัน พบมีหมอกควันสีขาวปกคลุมหนาแน่น การมองเห็นลดต่ำลง เห็นได้ไม่เกินระยะ 2 กิโลเมตร ด้านการตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่วัดได้ช่วงเช้าสูงถึง 236 มคก./ลบ.ม. ในพื้นที่อ.เมือง ส่วนอ.แม่สายวัดได้ 546 มคก./ลบ.ม. ที่อ.เชียงของ 276 มคก./ลบ.ม. เพิ่มสูงจากเมื่อวันที่ 26 มีนาคมต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันไฟป่าพื้นที่ชายแดน ด้านอ.แม่สาย จ.เชียงรายช่วยกันดับไฟป่าบริเวณเส้นทางลัดเลาะชายแดนที่มีไฟป่าลุกลามมาจากประเทศเพื่อนบ้านหลายจุดต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในจ.เชียงรายยังพบการลุกไหม้ในเขตพื้นที่ป่า ซึ่งเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ชาว อ.แม่สายนัดรวมตัวกันบริเวณที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องหน่วยงานภาครัฐเร่งแก้ปัญหาหมอกควันฝุ่น PM 2.5 เป็นการเร่งด่วน เพราะมีผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่อย่างหนัก

ป่วยโรคทางเดินหายใจ7วัน3.4พันราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศในอ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤต โดยวัดระดับฝุ่น PM 2.5 ได้สูงกว่า 600 มคก./ลบ.ม. ทัศนวิสัยมองเห็นต่ำกว่า 1 กิโลเมตร เริ่มส่งผลกระทบต่อใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งการเดินทาง และสุขภาพ โดยที่โรงพยาบาลแม่สาย ได้เปิดคลินิกมลพิษขึ้นรองรับประชาชนที่ป่วยด้วยโรคทางเดินทางหายใจ ปรากฏว่ามีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

นพ.วัชพงศ์ คำหล้า นายแพทย์สาธาณสุขจังหวัดเชียงรายเปิดข้อมูลสถิติผู้ป่วยทางเดินทางใจในพื้นที่จ.เชียงรายว่า ระหว่างวันที่ 19 - 26 มีนาคมมีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 3,478 ราย แบ่งเป็นในอ.แม่สาย ตั้งแต่วันที่ 19 - 26 มีนาคม 372 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการแสบจมูก เจ็บคอ และอีกส่วนหนึ่ง เป็นการรักษาในระบบออนไลน์ สำหรับการรองรับผู้ป่วยหนักที่ต้องนอนโรงพยาบาลขณะนี้ยังมีเตียงรองรับผู้ป่วยทางเดินทางหายใจอยู่ ซึ่งแพทย์เตรียมความพร้อมรับมือตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ทางสสจ.เชียงรายยังออกคำเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 จะช่วยลดอาการป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมไปถึงให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้าน หรืออาคาร ที่เป็นพื้นที่ปิด หากมีเครื่องฟอกอากาศควรเปิดไว้ตลอดเวลา

เปิดห้องปลอดฝุ่นในรพ.สต.

นพ.วัชรพงศ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากการป้องกันและตรวจรักษาแล้ว ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งมีห้องปลอดฝุ่นไว้ให้บริการกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องการเข้ามาใช้บริการ หากสงสัยว่าอาการจะกำเริบสามารถมาใช้บริการได้ในเวลาราชการ

เชียงใหม่สาหัสฝุ่นเฉียด700มคก.

เช่นเดียวกับที่จ.เชียงใหม่ สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ยังคงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง โดยศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ฝุ่นควันจาก Air4thai ประจำวันว่า ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ฝุ่น PM 2.5 มีค่าระหว่าง 90.8-352.7 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ ลำปางและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ เชียงราย วัดได้ 352.7 น่านวัดได้ 236.5 แม่ฮ่องสอน วัดได้ 227.0 เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แพร่ ในขณะที่จุดความร้อนหรือ Hotspot เกิดขึ้น 1,184 จุด ได้แก่ เชียงราย 338 จุด เชียงใหม่ 257 จุด แม่ฮ่องสอน 558 จุด และลำพูน 31 จุด

คนเชียงใหม่ก็ไม่ทนจี้รัฐแก้ปัญหา

เวลา 17.00 น. ที่ลานประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ สภาลมหายใจเชียงใหม่และประชาชนชาวเชียงใหม่ นัดรวมตัวผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ปัญหาฝุ่นอย่างจริงจัง และให้ประชาชนทุกคน ตลอดจนนักท่องเที่ยวตระหนักถึงภาวะวิกฤต และร่วมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อหาทางแก้ไขให้ตรงจุด โดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดไฟจากการเผาไหม้จำนวนมากทั้งในป่าและในที่โล่งต่างๆ

สธ.ยันพร้อมรับมือโรคจากฝุ่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงแผนรับมือและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมการรักษาพยาบาลและดูแลประชาชนเต็มที่ รวมทั้งสั่งเวชภัณฑ์มาเตรียมไว้เพื่อดูแลโรคระบบทางเดินหายใจแล้ว ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นขณะนี้เกือบทั้งประเทศน่าเป็นห่วง ดังนั้น การรักษาพยาบาลและดูแลประชาชนกระทรวงเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ปลัดกระทรวงสาธารณสุขก็ยืนยันมาตลอด

ติดเครื่องฟอกอากาศ-เปิดห้องคลีนรูมสู้

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จ.ลำปางถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า สถานการณ์ฝุ่นที่ลำปางช่วงกลางวันเริ่มดีขึ้น ท้องฟ้าเปิดมากขึ้น สธ.ได้รับรายงานขณะนี้ในจ.ลำปางมีผู้ป่วยโดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ระคายเคือง หายใจหอบเหนื่อย หายใจเร็ว เข้ามารักษาเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เห็นแบบชัดเจน ส่วนจ.เชียงรายก็มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นบ้างเช่นกัน ต้องรอดูสถานการณ์อีก 1-2 วัน ในระยะสั้นอาจไม่มาก แต่ระยะยาวอาจมีผลกระทบ จึงให้โรงพยาบาลเตรียมยาเวชภัณฑ์ไว้รองรับการดูแลผู้ป่วย ซึ่งมีเพียงพออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเบื้องต้น คือให้โรงพยาบาลติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ประเมินสภาพปัญหาในพื้นที่ตัวเอง รวมถึงมอบหมายให้เตรียมห้องคลีนรูม สำหรับรองรับผู้ป่วยเข้ามาอยู่ ซึ่งหลายแห่งมีอยู่แล้ว