ชาวอุดร 116 คนยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนออกประทานบัตรเหมืองโปแตช

ชาวอุดร 116 คนยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนออกประทานบัตรเหมืองโปแตช

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566, 20.52 น.

ชาวอุดร 116 คนยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนการออกประทานบัตรเหมืองโปแตช

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566  ที่ศาลปกครองจังหวัดอุดรธานี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีได้รวมตัวกันกว่า 200 คนและได้เดินทางไปยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัด เพื่อขอให้ศาลปกครองจังหวัดมีคำสั่งและคำพิพากษา ยกเลิกเพิกถอนการออกประทานบัตร รวมถึงกระบวนการ และขั้นตอนทั้งหมดเกี่ยวกับการออกประทานบัตรเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี


ทั้งนี้นางมณี  บุญรอด ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 116 คนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาลปกครองโดยมอบอำนาจให้ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ดำเนินการฟ้องหน่วยงานรัฐ จำนวน 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  คณะรัฐมนตรี  คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี  สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านเหมืองแร่ฯและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยผู้ฟ้องคดีทั้ง 116 ราย ขอให้ศาลมีคำพิพากษาและคำสั่ง ดังนี้  1.พิพากษาให้ ประทานบัตรเหมืองแร่โปแตชจังหวัดอุดรธานี ทั้ง 4 แปลง ของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นประทานบัตรที่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เพิกถอนประทานบัตรดังกล่าวเสีย 2.พิพากษาให้เพิกถอนกระบวนการขั้นตอนที่มีการดำเนินการเพื่อพิจารณาประกอบการออกประทานบัตร ทั้งหมด โดยให้มีผลนับแต่วันที่จัดทำเอกสาร

3.พิพากษาให้เพิกถอนรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี ของของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทั้ง 4 แปลง ที่ได้ให้ความเห็นชอบโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 และรับรองโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 8 เนื่องจากได้ใช้ข้อมูลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนไปใช้ในการดำเนินการดังกล่าว และไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560

4.พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างแท้จริงบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง และการทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการออกประทานบัตรของหน่วยงานราชการ

นายสมยศ นิคำ อายุ 70 ปี สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ฟ้องร้องเพราะว่า 4-5ปีที่ผ่านมา พวกตนได้พยายามต่อสู้ในเรื่องการไต่สวนให้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเคยมายื่นฟ้องยังศาลปกครองครั้งหนึ่งแล้ว แต่มาในตอนนี้ทางบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องพยายามรื้อฟื้นการทำเหมืองขึ้นมาใหม่ เคยพยายามยื่นเรื่องร้องเรียนไปเพื่อให้กระบวนการนั้นได้กลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่คือ การใช้กระบวนการตาม พ.ร บ.เหมืองแร่ปี 2560 ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่

นายสมยศกล่าวว่า จนมาถึงตอนนี้ คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมติอนุมัตไฟเขียวให้มีการสัมปทานเหมืองแร่ได้ ซึ่งพวกตนกังวลใจ แต่ก็ยังต้องต่อสู้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ เพราะที่กลุ่มอนุรักษ์ฯต่อสู้ด้วยข้อมูลที่แท้จริงมาโดยตลอด

ด้านนายอนุวัฒน์ อบโอ อายุ 37 ปี ทนายความจากจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นคำฟ้องไปแล้วกระบวนการขั้นต่อไปของทางศาลเองก็คือเจ้าหน้าที่ศาลจะตรวจคำฟ้องว่าครบถ้วนหรือไม่และประเด็นคำฟ้องที่ยื่นไปทางศาลปกครองจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ อีกประการหนี่งก็คือทางเราเองได้ส่งให้ทางศาลปกครองส่งคำร้องต่าง ๆ ให้แก่ทางหน่วยงานราชการเพื่อทำหนังสือโต้แย้งและจะต้องทำหนังสือโต้ตอบเอกสารไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจในกรณีที่ทางศาลต้องการข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างพิจารณา

นายวีรวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า อยากจะขอให้ทางศาลอนุมัติคุ้มครองชั่วคราวเพื่อไม่ให้โครงการเหมืองแร่โปแตชเดินหน้าต่อไปได้เนื่องจากกระบวนการที่เรามองปกติแต่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชาวบ้านไปมากกว่าเดิมจึงมีเหตุผลที่จะขอคุ้มครองชั่วคราว และกระบวนการอีกอย่างคืออยากจะให้ศาลลงพื้นที่ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า"เดินเผชิญสืบ"ตามที่ชาวบ้านกล่าวว่าพื้นที่นั้นไม่มีความเหมาะสมอย่างไรหรือสภาพหนองน้ำ และเนินแถวนั้นเป็นอย่างไร

ขณะที่ น.ส.สิริวจี ทรัพย์สมาน ตัวแทนกลุ่มเยาวชน ได้อ่านคำประกาศโดยมีเนื้อหาบางส่วนระบุว่า พวกตนจะไม่เลือกพรรคการเมือง ที่เอาเหมืองแร่โปแตช ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ได้รวมตัวกันคัดค้านโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2544 ในนาม “กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี” โดยใช้กระบวนการต่อสู้ผ่านอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่าย คือ 1.นิติบัญญัติที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าด้วยเรื่องสิทธิชุมชนในการมีส่วนร่วม ขณะที่ระดับท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ก็มีมติไม่เห็นชอบโครงการ 2.อำนาจบริหาร โดยกลุ่มอนุรักษ์ฯ ยื่นข้อเรียกร้องคัดค้านโครงการฯ ตั้งแต่ระดับนายก อบต. กระทั่งถึงนายกรัฐมนตรี 3. อำนาจตุลาการ ซึ่งกลุ่มชาวบ้าน ใช้ช่องทางการต่อสู้ผ่านกระบวนการยุติธรรม

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top