เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ กาญจนบุรีไล่ล่า 5 แก๊งมอดไม้ฉวยช่วงหยุดยาวสงกรานต์ลอบโค่นต้นประดู่กลางป่ากลางดึก รวบได้ 1 อีก 4 อาศัยความมืดหลบหนีค่าเสียหายกว่า 1 แสนบาทยึดของกลางอาวุธปืนและอุปกรณ์อื่นๆ เพียบ
วันนี้ (16 เม.ย.66) นายประวัฒน์ พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯลาดตระเวนเพื่อเฝ้าระวังป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ 2566 เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเกรงว่าช่วงดังกล่าวอาจจะมีผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์ป่าได้
จากข้อสั่งการข้างต้นประกฎว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันนี้ (16 เม.ย.) ขณะที่คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ นำโดยนายวรุณ จันทร์สว่าง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ และพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เมื่อไปถึงบริเวณป่าบ้านพุโศก หมู่ 3 ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงดังคล้ายเลื่อยโซ่ยนต์
เจ้าหน้าที่จึงวางแผนกระจายกำลังเข้าปิดล้อมและดักซุ่มสังเกตการณ์ ปรากฎว่าพบเห็นกลุ่มบุคคลประมาณ 5 คน กำลังช่วยกันใช้เลื่อยโซ่ยนต์เลื่อยไม้ท่อนที่ได้ถูกตัดโค่นแล้ว ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดล้อมเพื่อเข้าจับกุมตัว แต่ระหว่างนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทางวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ จำนวน 1 คน ส่วนที่เหลือสามารถหลบหนีไปได้ สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมตัวทราบชื่อคือนายพันธิตร อายุ 20 ปี อยู่หมู่ 2 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
จากการตรวจสอบพบของกลางเป็นไม้ประดู่จำนวน 2 ท่อน ท่อนแรกยาว 307 เซนติเมตร โต 2.95 เซนติเมตร ท่อนที่สองยาว 320 เซนติเมตร โต 2.80 เมตร ปริมาตรรวมกัน 4.11 ลูกบาศก์เมตร ค่าความเสียหายของรัฐ 143,850 บาท
นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์การกระทำผิดอีก 14 รายการ ประกอบด้วย 1.อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก 2.เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 นัด 3. เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง 4. มีดโต้ 1 เล่ม 5. เครื่องมือซ่อมบำรุงเลื่อยโซ่ยนต์ 1 ชุด 6. ตะไบ จำนวน 1 ด้าม 7. ไฟฉายคาดหัว 1 อัน 8. เชือกไนลอน 3 เส้น 9. ชะแลง 1 ด้าม 10. ล้อลาก 1 คัน 11. น้ำมันเบนซิน 1 แกลอน 12. น้ำมัน 2T จำนวน 1 ขวด 13. ผ้าใบ 1 ผืน และ 14. เรือหางยาว จำนวน 1 ลำ
หลังจากคณะเจ้าหน้าที่จดทำบันทึกเรื่องราวแล้วเสร็จ จึงนำตัวนายพันธิตร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ดำเนินคดีในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 มาตรา 73 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หรือกระทำอันตรายด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” มาตรา 69 ฐาน “ร่วมกันมีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่มีรอยดวงตรา ค่าภาคหลวง หรือรอยตรารัฐบาลขาย”
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (2) และมาตรา 42 ฐาน “ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” มาตรา 19 (6) และมาตรา 44 ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์” มาตรา 20 มาตรา 47 บุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
และพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 และมาตรา 17 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์” ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดี พร้อมทั้งให้สอบปากคำผู้ถูกจับ เพื่อติดตามผู้ร่วมขบวนการที่กำลังหลบหนีอยู่มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว” นายประวัฒน์ พวงทอง หน.อุทยานแห่งชาติเอราวัณ กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี