ไทยยังร้อนจัด
GISTDA พบฮอทสปอต 1,328 จุด
ฝุ่นพิษ 30 จว.เกินมาตรฐาน
เชียงรายอ่วมไฟป่าลามหนัก
‘เชียงใหม่’รั้งที่ 3 เมืองมลพิษ
อุตุฯชี้ดัชนีความร้อนไทยพุ่ง
GISTDA ชี้จุดความร้อนไทย ขยับขึ้น 1,328 จุด ส่วนฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 30 จังหวัด เชียงรายอ่วม! เกิดจุดความร้อน จากไฟป่ากระจายอยู่ 49 จุดประกาศห้ามเผาจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ด้าน IQAir เผยเชียงใหม่ ประเทศไทย รั้งที่ 3 ขณะที่ กทม.อันดับ 8 เมืองมลพิษสูงในโลก ส่วนอุตุฯ ชี้ดัชนีความร้อนพุ่ง
เมื่อวันที่ 19 เมษายน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียม Suomi NPP ว่าไทยพบจุดความร้อน 1,328 จุด ขณะที่ประเทศลาว ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่ 3,410 จุด เมียนมา 3,258 จุด เวียดนาม 553 จุด กัมพูชา 55 จุด และมาเลเซีย 33 จุด โดยจุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 501 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 374 จุด พื้นที่เกษตร 248 จุด พื้นที่เขต สปก.129 จุด พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 64 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด
สำหรับจังหวัดที่ พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เชียงราย 245 จุด เชียงใหม่ 131 จุด และ น่าน 100 จุด ขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐานระดับสีส้มถึงสีแดง ในเกือบ 30 จังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ จ.เชียงราย มีค่าฝุ่น PM2.5 อันดับ 1 อยู่ที่ 168 ไมโครกรัม รองลงมาคือ แม่ฮ่องสอน 134 ไมโครกรัม และเชียงใหม่ 120 ไมโครกรัม ส่วน กทม.คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง
ด้านศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน จ.เชียงราย (ศบก.) ไฟป่า จ.เชียงราย โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย ได้ตรวจสอบจุดความร้อนหรือ Hot Spotทั่ว จ.เชียงราย พบว่ามีหลายพื้นที่ซึ่งเกิดจากไฟป่าตามจุดต่างๆ กระจายอยู่ทั่วจังหวัด 49 จุด บางจุดค่อนข้างรุนแรง โดยเกิดไฟป่ามากที่สุดที่ อ.แม่สรวย 22 จุด อ.เมือง 6 จุด อ.พาน 5 จุด อ.เวียงแก่น 4 จุด อ.ดอยหลวง 3 จุด อ.แม่จัน 3 จุด อ.ขุนตาล 2 จุด และ อ.เวียงป่าเป้า 2 จุด ซึ่งคืนที่ผ่านมา ไฟได้โหมลุกไหม้อย่างหนักในพื้นที่ดอยปุย อุทยานแห่งชาติดอยหลวง ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย และการดับไฟค่อนข้างยากเนื่องจากเป็นเขาสูงชัน มีป่าไม้ที่เป็นเชื้อเพลิง เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าสกัดด้วยการเดินเท้าทำแนวกันไฟไม่ให้ลุกลามสู่ชุมชน
นอกจากนี้ ไฟป่ายังไหม้บนดอยจระเข้ เขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก พื้นที่ ต.ป่าตึง อ.แม่จัน ทำให้นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่จัน ต้องระดมเจ้าหน้าที่กว่า 400 นาย เข้าไปดับไฟ และมีเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ) จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพอากาศ เข้าโปรยน้ำแต่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทั้งหมด
ส่วนไฟป่าในเขต ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ป่าชุมชน ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์พื้นที่ ต.ท่าก๊อ และ ต.ศรีถ้อย อ.แม่สรวย ดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า ต.ธารทอง อ.พาน เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟได้บางส่วน แต่มีหลายจุดที่ ไม่ได้สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงต้องทำแนวกันไฟไว้เพื่อป้องกันการลุกลาม
ขณะที่นายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่15ระดมกำลังร่วมกับทางจังหวัดเชียงราย ทหาร และอาสาสมัครดับไฟป่า กว่า 300 นาย เข้าดับไฟป่าในภาคพื้นดิน ทั้งนี้ การดับไฟป่า ได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยให้ทุกหน่วยปฏิบัติงานตามแผนการดับไฟ ขณะเดียวกัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ AS 350 บรรทุกน้ำได้ 500 ลิตร จากศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ BT 67 จากกองทัพอากาศ เครื่องปักเป้า KA32-03 กรมบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ ทส.สนับสนุนการดับไฟป่าใน จ.เชียงราย โดยเริ่มดำเนินการดับไฟตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณดอยจระเข้ อ.แม่จัน ซึ่งพบว่ายังคงไหม้ในหลายจุด อ.เมือง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย รวม 3 วัน ซึ่งจะสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าพื้นที่สูงชันที่ยากต่อการเข้าถึง
ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่ายังไม่ยุติและไม่มีฝนตก ทำให้ก่อนหน้านี้จ.เชียงรายได้ประกาศขยายระยะเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566 จากเดิมแค่วันที่ 15 เมษายน 2566
วันเดียวกัน เว็บไซต์ IQAir เผยแพร่ข้อมูลอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก พบว่า จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย อยู่อันดับ 3 มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 171 ขณะที่ กทม.อันดับ 8 มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 156
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายค่าดัชนีความร้อนสูงสุดรายวัน (วันที่ 20 เมษายน 2566) ระดับเฝ้าระวังเตือนภัยผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน แยกเป็นรายภาค โดยภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 41.7 องศาเซลเซียส อยู่ในระดับอันตราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 41.5 องศาฯ อยู่ในระดับอันตราย ภาคกลาง เขตบางนา กทม.ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 48.0 องศาฯ อยู่ในระดับอันตราย ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 49.8 องศาฯ อยู่ในระดับอันตราย และภาคใต้ จ.ภูเก็ต ค่าคาดหมายดัชนีความร้อน 47.6 องศาฯ อยู่ในระดับอันตราย
ทั้งนี้ สำหรับดัชนีความร้อน คือ อุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ในขณะนั้น ว่าอากาศร้อนเป็นอย่างไร หรือ อุณหภูมิที่ปรากฏในขณะนั้นเป็นเช่นไร โดยค่าดัชนีความร้อนนั้นสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อระความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับ ผลกระทบจากความร้อนได้ โดยคำแนะนำสุขภาพ ให้สังเกตอาการตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรลดเลิกกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นควรสวมหมวก แว่นกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หากทำงานกลางแจ้งควรทำงานเป็นกลุ่ม หลีกเลี่ยงดื่มชา กาแฟ สุรา น้ำอัดลม ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี