จับแก๊ง‘เจ๊ฟาง’
ค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้
รัฐสูญเงินภาษี100ล้าน
“บิ๊กโจ๊ก”นำทีมชุดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง จับกุมแก๊งลักลอบนำเข้า-ค้าน้ำมันเถื่อน “กลุ่มเจ๊ฟาง” พบเป็นรายใหญ่ลอบนำน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านมาขายในไทย นานนับสิบปี
เมื่อวันที่ 20 เมษายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันมากกว่า 100 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผบ.ตร.จึงสั่งการให้ปราบปรามเครือข่ายลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมาจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เน้นการเพิ่มการป้องกันตามแนวชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านที่มักพบการกระทำผิด เช่น จ.สงขลา สตูล และนราธิวาส รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ปัตตานี ยะลา ตรัง และพัทลุง นอกจากนี้ยังรวมถึงการลักลอบนำเข้าน้ำมันทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กองทัพเรือ และศรชล เป็นต้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับทางบกมีรายสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเจ้ฟางซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้ จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการนำรถบรรทุกสินค้าเป็นเครือข่าย แต่ละคันจะดัดแปลงถังน้ำมันให้มีขนาดใหญ่และมีช่องเก็บน้ำมันได้มากขึ้น โดยรถบรรทุกเหล่านี้จะเข้าไปส่งสินค้าที่ชายแดนประเทศมาเลเซียทุกวัน วันละนับสิบรอบ เมื่อรถขนสินค้าเสร็จ ก็จะเติมน้ำมันจนเต็มถังที่ดัดแปลง และขับกลับออกมาจากชายแดนมุ่งหน้าไปยังโกดังใน ต.ทุ่งลุง ห่างจากพรมแดนประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อไปรอถ่ายให้กับรถปิ๊กอัพ ที่จอดรออยู่ในโกดังชายป่า บริเวณริมถนนกาญจนวนิช ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ชุดปฏิบัติการ ศปนม.จึงได้บุกเข้าจับกุมนายนี อุสมาน และนายอีบ หมัดยูโชะ ขณะที่กำลังถ่ายน้ำมันจากรถขนส่ง ให้กับรถปิ๊กอัพดัดแปลงที่โกดังแห่งหนึ่ง ใน ต.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์ 2คัน ทะเบียน 3ฒธ 1065 และ 3ฒธ 7065 ตู้ทึบ ภายในบรรทุกถังน้ำมันดีเซลขนาด 2,000 ลิตร แจ้งข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา203 ทั้งนี้ จากการสืบสวนยังพบอีกว่า กลุ่มเจ้ฟาง ถือเป็นรายใหญ่ที่กระทำการมาเป็นสิบปี โดยรถแต่ละคันจะบรรทุกน้ำมันได้ครั้งละ 1,000 ลิตร เฉลี่ยวันละกว่า 10 เที่ยว ซึ่งวิ่งเข้า-ออกระหว่างพรมแดน มีระยะห่างไม่ถึง 30 กิโลเมตร โดยจะร่วมมือกับคนขับรถหัวลาก เมื่อได้น้ำมันมาแล้ว ก็จะนำมารวมกันไว้ที่โกดัง เพื่อถ่ายออกขายปลีกในพื้นที่ ทั้งปั้มหลอด ประมง และเกษตรกรรม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านมา มีการจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดซึ่งลักลอบนำน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ยึดของกลางได้หลายแสนลิตรต่อเดือน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักใช้วิธีการลักลอบขนในปริมาณน้อยจำนวนหลายครั้งแล้วนำเข้ามาเก็บรวมในโกดังที่เตรียมไว้จากนั้นจึงลักลอบนำไปขายให้กับพวกปั๊มหลอด เรือประมงขนาดเล็ก หรือรถขนส่ง ทำให้รัฐเสียรายได้จำนวนมากต่อปีและส่งผลกระทบกับสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งประกอบอาชีพถูกต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้นอกจากที่จะจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าน้ำมันเหล่านี้แล้ว จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายอื่นๆที่ยังกระทำผิดอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี