"บิ๊กโจ๊ก"ยืดอกเคลียร์ชัดๆ รับสนิทกับ"ทนายตั้ม"เหมือนน้องคนหนึ่ง ยันไม่กลัวผลกระทบภาพลักษณ์เพราะเพื่อนคือเพื่อน พวกคือพวก ไม่ใช่ว่าวันนี้เขาแย่แล้วเราจะไปทิ้งกัน แต่ย้ำถึงแม้สนิทกันก็ไม่ได้แปลว่าจะทำผิดกฏหมายได้ ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด ยืนยันไม่เคยสั่ง ตร.ท่องเที่ยวยกกระเป๋าที่สนามบิน
28 เม.ย.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ภาพนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มีความสนิทกับบิ๊กโจ๊กว่า ยอมรับว่าสนิทกับทนายตั้ม หลายคนตนก็มีความสนิทเพียงแต่ว่าทนายตั้มเป็นคนชอบโพสต์ ภาพเหล่านี้จึงออกไปปรากฎต่อสาธารณะ การรู้จักกันสนิทกันไม่ได้หมายความว่าให้ทนายตั้มไปทำผิดกฎหมายได้
ส่วนที่ตำรวจท่องเที่ยวไปหิ้วกระเป๋ากับภาพที่ปรากฏ ยืนยันไม่ได้สั่งการตำรวจท่องเที่ยว นิสัยตนเป็นคนเข้มงวดเรื่องวินัยจะไม่สั่งลูกน้องทำแบบนี้อยู่แล้ว อีกอย่างการที่มีตำรวจท่องเที่ยวไปรับใครก็ตามที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจท่องเที่ยวต้องตรวจสอบให้ได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ใครสั่งการ ชี้การเป็นตำรวจรู้จักทุกคนได้หมด แต่ว่ารู้จักแล้วจะทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากินข้าวกับตนแล้วจะไปยิงใครก็ได้ ถ้ากินข้าวกัน รู้จักกันถ้าทำผิดกฎหมายก็จับแล้วห้ามโกรธกัน
"ส่วนทนายตั้มยังไม่มีอะไรที่เป็นความผิด ถ้าเป็นความผิดก็ต้องดำเนินคดีกับทนายตั้มเช่นเดียวกัน ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด ที่มีภาพตนกับทนายตั้มเป็นภาพจริง เขาเป็นทนายบางทีก็มีกลุ่มเพื่อนทนาย ก็มีการพูดคุยเรื่องคดีต่างๆเพราะผมทำงานด้านสืบสวนสอบสวน บางทีคนอื่นเอาไปโพสต์หรือตั้มนำไปโพสต์จึงเกิดประเด็นขึ้น"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทนายตั้มนำภาพไปโพสต์จะเกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ ก็ไม่กระทบอะไร ทุกวันนี้ทนายตั้มก็มีทนายความอยู่ คดีความของเขาก็ต้องไปต่อสู้เอง วันนี้ไม่มีใครมาฟังเขา แม้แต่อัยการยังสั่งคดีเขาอยู่ไม่มีใครไปแทรกแซงได้ ตนก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับคดีเขา ขนาดตำรวจด้วยกันผมยังจับถ้าทนายตั้มผิดผมก็ต้องจับ
เมื่อถามถึงการที่ทนายตั้มซื้อของแบรนด์เนมอย่าง เช่น เสื้อ เนคไท มามอบให้ผิดกฎของราชการหรือไม่ รอง ผบ.ตร. ถามกลับว่าซื้อให้ใคร ภาพที่ปรากฏไม่ใช่วันเกิดของตน แต่เป็นวันเกิดของภรรยาเขาไม่ได้ซื้อให้ผม ผมไม่เคยเอาของอะไรของเขามาเลย ไม่มีใครซื้อของมาให้ผมได้ ตั้มไม่มีปัญญาซื้ออะไรมาให้ผม มีแต่ผมต้องให้เขาด้วยซ้ำ ใครจะพูดอะไรก็ตามอยู่ที่ความเป็นจริง ส่วนทนายตั้มวันนี้เมื่อเขาทำอะไรไปผลรับก็เกิดกับเขาเอง วันนี้จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำอะไรไปจริงบ้างไม่จริงบ้าง สุดท้ายผลรับก็ตกอยู่กับตัวเอง โลกโซเชียลมีเดียใครทำจริงไม่จริงไม่ต้องรอให้ใครมารายงาน สังคมตรวจสอบเอง
เมื่อถามต่อว่า จะเรียกทนายตั้มมาปราม หรือถอยห่างออกมาหรือไม่ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์เสียหายนั้น ว่า เพื่อนคือเพื่อน พวกคือพวก ไม่ใช่ว่าวันนี้เขาแย่แล้วเราจะไปทิ้งเขาไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ช่วยสนับสนุนเขาทำในสิ่งไม่ถูกต้อง ทนายตั้มซึ่งตนได้ปรามไปเยอะแล้ว บอกไปตั้งนานแล้วว่าการเป็นทนายเพื่อประชาชนมันไม่ใช่ทนายที่หิวแสง การเป็นทนายประชาชนต้องไม่ใช่ทนายเซเลป ต้องเป็นทนายที่ทำจริง ทำให้ประชาชนเห็น แต่เขาไม่ใช่ญาติผมเขาจะฟังผมได้ไง แต่เราก็เตือนในฐานะเป็นน้อง ตนไม่ได้สนิทถึงขนาดที่ต้องไปบอกให้เขาทำอะไรได้ แต่ถามว่าที่ผ่านมาเราดีกันแต่วันนี้อยู่จะให้ไปตัดกันเลยไม่ได้ วันนี้เขาตกอับเราจะไปทิ้งเขาก็เป็นคนที่คบไม่ได้
เมื่อถามอีกว่าทางนายชูวิทย์ ได้เตือนให้ระวังการกระทำของทนายตั้มจะทำให้ได้รับผลกระทบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณพี่ชูวิทย์ แต่ผมรู้ว่าผมอยู่แค่ไหน ผมรู้จักกับใครก็กินข้าวกัน บางคนเป็นผู้ต้องหาที่ประกันตัวออกมาผมก็กินข้าวด้วย แต่ถ้าไม่โพสต์ก็ไม่มีคนรู้
"คนสองคนทะเลาะกันสะเก็ดกระเด็นมาถูกผมบ้างก็ไม่เป็นไรถือว่าเรารู้จักกัน แต่ผมก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่โกรธพี่ชูวิทย์ เพราะถือว่าไม่เป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องจริงป่านนี้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบผมไปแล้ว ส่วนที่มีการคุยกับคุณชูวิทย์วานนี้ (24 เม.ย.) เพราะเห็นเขาโพสต์ก็อธิบายให้เขาฟังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ใครทำก็ต้องรับผิดชอบไป"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี