ทนายกองทัพธรรมแจ้งจับพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายดอกไม้และลอตเตอรี่กว่า 100 รายในข้อหาฐานความผิดบุกรุกที่ธรณีสงฆ์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และขวางการขึ้นมรดกโลก แฉมีนักการเมืองท้องถิ่นคอยหนุนหลัง
กรณีมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ขายดอกไหม้และลอตเตอรี่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ค้าขายที่เคยทำกินมานานกว่า 10 -20 ปี กระทั่งคณะกรรมการวัดพระธาตุพนมฯ มีมติให้จัดระเบียบการวางแผงขายให้เป็นไปตามระเบียบของทางวัด เพื่อผลักดันให้เข้าสู่มรดกโลก เนื่องจากปัจจุบันยังมีการวางแผงขายไม่เป็นระเบียบ ทั้งก่อความรำคาญแก่ผู้ที่ศรัทธาต่อองค์พระธาตุพนม เพราะตั้งวางแผงขวางหน้าประตูทางเข้าและจากมติดังกล่าวทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าบางส่วนที่ขายลอตเตอรี่และดอกไม้ ขัดขืนไม่ยอมทำตามมติวัด โดยอ้างว่าทำกินมานานหลาย 10 ปี จึงก่อหวอดรวมตัวประท้วง พร้อมประกาศจุดยืนที่จะปักหลักขายอยู่ที่เดิม
ต่อมานายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัจกรวัดฯ ประธานดูแลผลประโยชน์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พร้อมคณะกรรมการวัดได้ลงพื้นที่จัดระเบียบเพื่อสร้างความเข้าใจกับบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่ยังคงจำหน่ายดอกไม้ ลอตเตอรี่ให้ออกจากพื้นที่หน้าประตูวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เนื่องจากมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายยัดเยียดสิ่งของให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบ จึงทำให้เกิดการปะทะระหว่างพ่อค้าแม่ค้าบางส่วนกับคณะกรรมการวัด รวมถึงทนายกองทัพธรรมอ้างว่าเป็นวิถีชีวิตทำมาค้าขายมานานหลายปีและไม่ยินยอมที่จะปฏิบัติตามมติวัด
ทั้งนี้ เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก ปรากฎว่ามีผลประโยชน์ทางการเมืองรวมถึงกลุ่มที่มีส่วนได้เสียชักใยอยู่เบื้องหลังโดยมีเป้าหมายคัดค้านการผลักดันองค์พระธาตุพนมสู่มรดกโลก เนื่องจากต้องการแอบแฝงผลประโยชน์จากทางวัด เพราะมีรายได้จากประชาชน นักท่องเที่ยวมานานหลายปี ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังรายนี้เป็นนักการเมืองท้องถิ่น มีชอบอ้างเป็นคนสนิทนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง
ล่าสุดวันที่ 2 พ.ค.66 นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัจกรวัด ประธานดูแลผลประโยชน์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารได้แจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้า จำหน่ายดอกไม้และลอตเตอรี่กว่า 100 รายในข้อหาฐานความผิดบุกรุกที่ธรณีสงฆ์เป็นหลักและไม่ทำตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนา พร้อมยืนยันว่าพื้นที่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์จะต้องเป็นไปตามระเบียบวัดและจะต้องไม่ขัดต่อระเบียบการค้าขายของวัด หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและฝากไปยังประชาชนว่ากรณีมีภาพเผยแพร่ไปตามสื่อโซเชียลต่างๆ ที่เป็นภาพของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าไม่พอใจ ด่าทอเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดต่อระเบียบการค้าของวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารและไม่มีเจตนารังแกกับผู้ประกอบการ แต่เป็นการจัดระเบียบตามกฎหมายและสร้างภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยวสายศรัทธา ยืนยันหากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดให้ถึงที่สุดหากไม่ทำตามระเบียบข้อกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายอนันต์ชัยกล่าวแก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าได้มีเสียงโห่ร้องตะโกนด่าแถมยังขัดขืนด้วยการยกแผงขายดอกไม้มาวางขวางทางเข้าประตูวัด เหมือนท้าทายกฎหมายบ้านเมือง บางคนถึงกับท้าทนายอนันต์ชัยชก ในขณะเดียวกันได้มีกลุ่มคนบางกลุ่มมีการป้อนข้อมูลที่ผิดให้แก่ผู้ประท้วงโดยอ้างถนนหน้าวัดพระธาตุพนมฯเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ชยางกูร) สายหนองคาย - บึงกาฬ - นครพนม - มุกดาหาร - อำนาจเจริญ - ยโสธร - อุบล ไม่ใช่ทรัพย์สินของวัดพระธาตุพนมฯโดยอ้างมีหนังสือของแขวงทางหลวงมอบถนนบริเวณหน้าวัดประมาณ 2 กิโลเมตรให้อยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลธาตุพนม จึงยุให้พ่อค้าแม่ขายปักหลักขายของอย่าย้ายตามมติคณะกรรมการ
ทนายอนันต์ชัย จึงนำเอกสารหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินของวัดพระธาตุพนมรวม 153 ไร่ยืนยันว่ามีเนื้อที่ครอบคลุมถึงประตูโขงโบราณรวมถึงถนนหน้าวัดด้วยที่เป็นธรณีสงฆ์ไม่สามารถมอบหรือโอนให้หน่วยงานใดได้ การที่มีการสร้างถนนเข้ามาในพื้นที่วัด เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ใช้สัญจรไปมาสะดวก แต่กลับมีนักการเมืองท้องถิ่นบางคนใช้ประโยชน์ในทางการเมือง ยุยงพ่อค้าแม่ค้าฝ่าฝืนมติกรรมการ รวมถึงขัดขวางการผลักดันองค์พระธาตุพนมสู่มรดกโลกอีกด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี