สั่งเด้งยกจังหวัด
เซ่นปค.ทลายบ่อนที่สุราษฎร์จับผีพนันกว่า200ของกลางอื้อ
ฝ่ายปกครอง จับมือ ตำรวจสุราษฎร์ ทลายบ่อนพนันขนาดใหญ่ลอบเปิดเล่นในโรงงานคอนกรีตรวบนักพนันกว่า 200 คน ยึดเงินสดกว่า1ล้านบาท-ยึดอุปกรณ์เล่นพนันอื้อ ด้าน อธิบดีกรมการปกครอง สั่งเด้งยกจังหวัด เซ่นจับบ่อน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงคืนวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง (ปค.) เขตตรวจราชการที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กองอาสารักษาดินแดน นำกำลังกว่า 50 นาย ร่วมกับนายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีและ พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าตรวจค้น โรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ ริมถนนปากน้ำ ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังสืบทราบว่าถูกใช้ลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบโรงงานดังกล่าวมีสังกะสีปิดล้อม มีข้อความห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปด้านใน และมีคนคอยเฝ้าดูต้นทาง โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น พบว่าภายในแบ่งเป็น 2 ชั้น แนวชั้นแรก มีสแลนปิดอำพรางไว้ ส่วนแนวชั้นที่ 2 มีเต็นท์ทั้งหมด 5 หลัง สำหรับเล่นการพนัน 4 หลัง มีวงพนัน 3 วง เป็นพนันโปปั่น พนันไพ่ พนันไฮโล ซึ่งมีนักพนันชายหญิง รวมกว่า 200 คน เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ ต่างพากันวิ่งหนี แต่ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ เนื่องจากประตูเข้าออกมีเพียงทางเดียว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้ นอกจากนี้ได้ตรวจสอบรถยนต์ ที่จอดอยู่ภายใน และพบเงินสดภายในรถยนต์ 1 ล้านบาท ในรถกระบะ 6 หมื่นบาท พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.2 กระบอก ในรถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ พร้อมกับอุปกรณ์เล่นการพนันและชิปแลกเงิน ก่อนจะคุมตัวนักพนันทั้งหมด ไปสอบสวนและลงบันทึกการจับกุม
นายรณรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ว่ามีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ อ.ท่าฉาง ปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงมอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ทำการตรวจสอบพบว่ามีบ่อนพนันอยู่จริง จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมา ปรากฏว่าบ่อนการพนันไหวตัวทันและปิดไป ก่อนจะสืบสวนทราบว่าได้ย้ายมาเล่นกันในจุดดังกล่าว จึงวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม
นายรณรงค์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบการลักลอบเล่นการพนันมาโดยตลอด หลังจากเกิดเหตุเจ้าของบ่อนรายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่พบความเคลื่อนไหว กระทั่งได้รับเรื่องร้องเรียน ว่าบ่อนพนันกลับมาเปิดในพื้นที่ อ.ท่าฉาง จึงเข้าตรวจสอบแต่กลับพบว่าบ่อนดังกล่าวได้ย้ายมาเล่นในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อได้ตรวจสอบก็พบว่ามีจริง จึงวางแผนตรวจค้นจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการตรวจค้นจับกุม ปรากฏว่ามีนักพนันหลายคน โวยวายว่าในพื้นที่อื่นก็ยังมีการลักลอบเล่นการพนัน ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและจับกุมด้วย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ดังกล่าว นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้มีคำสั่งกรมการปกครอง ที่ 817/2566 เรื่อง ให้ข้าราชการช่วยราชการ มีใจความว่า เพื่อประโยชน์ของทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ให้ข้าราชการช่วยราชการ 5 ราย โดยรายละเอียดปรากฏตามบัญชีแนบท้ายคำสั่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2566
สำหรับรายชื่อข้าราชการ ประกอบด้วย 1.ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ฯ ช่วยราชการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง 2.นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ฯ ช่วยราชการ กองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง 3.นายสุกิจ มีพริ้ง นายอำเภอท่าฉาง จ.สุราษฎร์ฯ ช่วยราชการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง 4.ว่าที่ พ.ต.ทินกร ทองสินธุ์ ปลัดอำเภอที่ทำการปกครองอำเภอเมืองสุราษฎร์ ช่วยราชการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง และ 5.นายสิทธิพร หมั่นไชย ปลัดอำเภอที่ทำการปกครองอำเภอท่าฉาง ช่วยราชการกองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี