กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์ระบาดโควิด-19 รอบ 7 วันที่ผ่านมามีผู้ป่วยรายใหม่ 1,699 รายเฉลี่ยวันละ 242 ราย เสียชีวิต 10 ศพ เฉลี่ยวันละ 1 ศพ ผู้ป่วยปอดอักเสบ 219 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 113 ราย ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีนคู่
“โควิด-หวัดใหญ่”ตั้งแต่ 3 พ.ค. ประชาชนตื่นตัวรับบริการมากขึ้น ย้ำครอบครัวพาผู้สูงอายุมาฉีดปีละ1 เข็ม นายกฯ สั่ง สธ.-ศธ.วางแผนสกัดโควิดระบาดช่วงเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการรณรงค์ให้คนไทยฉีดวัคซีนคู่ สู้หน้าฝน ที่เริ่มให้บริการฉีดไปเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ช่วงก่อนเข้าหน้าฝน ซึ่งไทยจะพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น สธ.จึงได้รณรงค์ฉีดวัคซีนคู่คือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิดที่กำหนดเป็นวัคซีนประจำปี ให้กลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค โดยเฉพาะผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป พบว่ามีอัตราเข้ามารับวัคซีนมากขึ้น เพราะประชาชนตื่นตัวเรื่องไข้หวัดใหญ่และสายพันธุ์โควิดที่เปลี่ยนแปลง แต่กรมควบคุมโรคกำลังรวบรวมข้อมูลการฉีดอยู่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับผลกระทบ อาการไม่พึงประสงค์หลังจากการรับวัคซีนทั้งสองชนิด
นพ.ธเรศกล่าวต่อว่า ระยะหลังการฉีดวัคซีนของคนไทยเริ่มชะลอตัว เพราะแต่ละคนคิดว่าตัวเองฉีดวัคซีนมากแล้ว ขอย้ำว่าวัคซีนโควิดและไข้หวัดใหญ่ เราฉีดปีละ 1 เข็ม จึงอยากให้ประชาชนเข้ามารับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ส่วนเรื่องการเข้าถึงวัคซีน กรมควบคุมโรคจัดบริการให้เกิดความสะดวกกับประชาชน สามารถมารับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลอำเภอทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน กรมควบคุมโรค ได้รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19ในประเทศรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 30 เมษษยน-6 พฤษภาคม มีผู้ป่วยรายใหม่สะสม 1,699 ราย เฉลี่ยวันละ 242 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 10 ราย เฉลี่ยวันละ 1 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบสะสม 219 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจสะสม 113 ราย ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนโควิดสะสม 144,951,341 โดส
ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศทยอยเปิดภาคเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นห่วงสุขภาพของเด็กและเยาวชน จึงกำชับให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันวางแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงโรคทางเดินหายใจอื่น เช่นโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นมาจำนวนผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น ประกอบกับระยะนี้กำลังใกล้เข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศเอื้อต่อการระบาดของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ สถานการณ์ปัจจุบันภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงสถานการณ์ปกติมาก นายกฯจึงเป็นว่าควรมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้สถานศึกษา อาทิ ขั้นตอนคัดกรองก่อนเข้าเรียนหรือร่วมกิจกรรม การคัดแยกเด็กที่ป่วย การดูแลสิ่งแวดล้อม สถานที่ อุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน ของเล่นและเครื่องเล่น การจัดจุดบริการล้างมือด้วยน้ำ สบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
“นายกฯกำชับให้กระทรวงศึกษาฯ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันมีคำแนะนำข้อปฏิบัติแก่สถานศึกษาทั่วประเทศให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้การดูแลสถานการณ์มีประสิทธิภาพ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว