17 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุนารี ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกติดต่อกันนานเกือบ 2 วัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่เขื่อนวังยางต้องยกประตูระบายน้ำขึ้นสูงสุดทั้ง 6 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำและเตรียมรับมวลน้ำมหาศาลที่ไหลมาจากจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดขอนแก่น ซึ่งขณะนี้มวลน้ำจุดสูงสุดยังอยู่ที่รอยต่อตำบลท่าพระ จังหวัดขอนแก่น - อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และเตรียมรับมวลน้ำที่กระจายออกทุ่ง ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านลบ.ม.ซึ่งคาดว่าจะไหลรวมกันลงแม่น้ำชีมายังพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ในอีก 5 - 6 วันนี้

ด้าน นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ต้องสั่งการให้ นายเดชา พลกล้า หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายอำเภอฆ้องชัย นายอำเภอกมลาไสย และนายอำเภอร่องคำ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่ติดกับลำน้ำชีเตรียมพร้อมรับมือ ทั้งการเตรียมเครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบนไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือและอพยพประชาชนหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากเกรงว่ามวลน้ำจากจังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น และมวลน้ำที่ขณะนี้ยังกระจายอยู่ตามทุ่งนาที่รวมกันแล้วมีปริมาณมหาศาลจะไหลลงแม่น้ำชีและไหลมายังพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์พร้อมกัน ในอีกไม่เกิน 5 - 6 วันนี้ อาจจะทำให้พนังกั้นน้ำชีที่มีระยะทางกว่า 40 กม.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมของกรมทางหลวงชนบทจะไม่สามารถรับมวลน้ำได้ และอาจจะเกิดการพังทลาย ซึ่งหากพนังดังกล่าวพังจะทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนพันครัวเรือน และนาข้าวหลายหมื่นไร่ของเกษตรกรในอำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลไสย และอำเภอร่องคำ

ขณะที่ระดับน้ำบริเวณเขื่อนวังยาง ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดระบายและกักเก็บน้ำแม่น้ำชี ปัจจุบันมีระดับน้ำหน้าฝายและท้ายฝาย 137.29 ม.รทก.ความจุปัจจุบัน 36.69 ล้านลบ.ม.หรือ 109.33% เจ้าหน้าที่ต้องยกบานประตูระบายน้ำขึ้นสูงสุดทั้ง 6 บาน ระบายน้ำเฉลี่ย 592.31 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือประมาณ 51 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เพื่อเร่งระบายน้ำไปลงแม่น้ำมูล และเพื่อเตรียมรองรับน้ำที่กำลังจะมาถึง