พ่อค้าน่านเครียด บุกเดี่ยวมีดจี้คอชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ อ้างประชดครอบครัว
23 พฤษภาคม 2566 พ.ต.อ.ดเรศ กัลยา รอง ผบก.ภ.จว.น่าน , พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองน่าน , พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน , ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน เร่งค้นหาหลักฐานอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจี้คอพนักงานสาวในร้านสะดวกซื้อ บังคับเปิดลิ้นชักเก็บเงินได้เงินไปจำนวนหนึ่ง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เวลา 04.00 น. โดย ร.ต.อ.พิทยา รุ่งสิรินาล พนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ สาขาตลาดปางค่า ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงข้ามที่เกิดเหตุ พบว่า เวลาประมาณ 04.01 น. ผู้ต้องสงสัยเดินข้ามถนนมายังที่เกิดเหตุ แล้วเข้ามาในร้าน
ขณะเดินเข้ามาพบพนักงานหญิง 1 คน กำลังนั่งเรียงสินค้าอยู่ คนร้ายจึงใช้อาวุธมีดจี้คอบังคับให้เดินไปเปิดลิ้นชักเก็บเงินของทางร้าน จากนั้นชายผู้ก่อเหตุได้เอาเงินในลิ้นชักไปประมาณ 1,050 บาท พอได้เงินคนร้ายได้รีบวิ่งออกมา แล้วได้วิ่งข้ามถนนสายน่าน-บ้านหลวง หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของภูธรจังหวัดน่าน เพื่อติดตามคนร้าน พบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา เวลา 03.58 น. ผู้ต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์วนดูลาดเลา คาดว่าพบเห็นมีเพียงพนักงานหญิงคนเดียว สบช่องต่อการก่อเหตุ จึงขับรถจักรยานยนต์ไปซ่อนถนนฝั่งตรงข้าม แล้วเปลี่ยนชุด จากนั้นวิ่งข้ามถนนมาก่อเหตุ ใช้มีดจี้คอพนักงานชิงทรัพย์ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทำการไล่ตรวจกล้องวงจรปิดย้อนรอยเส้นทาง จนตามไปพบบ้านผู้ก่อเหตุ พบว่า ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักแถวถนนมหายศ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เมื่อเวลา 03.35 น. โดยหลังก่อเหตุ เวลา 04.10 น. คนร้ายได้ขี่รถคันดังกล่าวกลับมาจอดไว้หน้าบ้าน แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมาวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดน่าน เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พบรถจักรยานยนต์คันที่ผู้ต้องสงสัยใช้ขับขี่หลบหนีหลังก่อเหตุชิงทรัพย์ จอดอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว จากการสอบถามมารดาผู้ก่อเหตุ รับว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของตนเองจริง ซึ่งมีนายศุภกร หรือนายโจ้ อายุ 37 ปี บุตรชายของตนเอง เป็นผู้นำไปใช้ขับขี่เป็นประจำ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายผู้ต้องสงสัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์จากกล้องวงจรปิดให้มารดาดูโดยละเอียด มารดานายโจ้ ยืนยันว่า บุคคลที่ขับขี่จักรยานยนต์ตามกล้องวงจรปิด คือ นายศุภกร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการควบคุมตัวนายศุภกร มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองน่าน โดนายศุภกร หรือนายโจ้ ปากแข็งยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำกว่า 10 ชั่วโมง สุดท้ายนายโจ้ เปิดปากรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงพานำชี้จุดทำแผน อ้างทำไปเพื่อประชดพ่อ แต่ตำรวจพบว่าเคยก่อวีรกรรมขับรถลงข้างทาง เพื่อรีวิวขายวัตถุมงคล แถมมีคนซื้อ สืบประวัติพบเป็นกลุ่มบุคคลที่มีอาการจิตเวช เนื่องจากใช้สารเสพติดมาเป็นเวลานาน ขณะที่อาศัยอยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่จึงให้กลับมาอยู่บ้านที่น่าน เพื่อเปลี่ยนสังคม หยุดการใช้สารเสพติด หันมาประกอบอาชีพสุจริตที่เมืองน่าน ขายเสื้อผ้าในถนนคนเดินและตามตลาด คาดว่าเครียดจากการที่อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีรายได้ เนื่องจากถนนคนเดินปิดปรับปรุง จึงก่อเหตุดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ดเรศ กล่าวว่า นายโจ้ ให้การว่ามูลเหตุที่กระทำผิดนั้นเกิดจากต้องการประชดครอบครัว จึงอยากจะฝากพี่น้องประชาชน สิ่งที่สำคัญนั้นคือกล้องวงจรปิด อยากจะขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งเป็นการป้องปรามการก่ออาชญากรรมหรือหลังเกิดเหตุอาชญากรรมก็ยังสามารถติดตามตัวอาชญากรไปจนถึงบ้าน อย่างเช่นกรณีนี้เราสามารถติดตามกล้องวงจรปิดทั้งของทางตำรวจภูธรจังหวัดน่านและของเอกชนและประชาชนจนสามารถตามไปถึงบ้านผู้ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว