คำสั่งเด้งด่วน
ผกก.-รองผกก.สน.มักกะสัน
เซ่นปาร์ตี้จีนมั่วเสพยา
ปิด5ปี‘เมรีอาบอบนวด’
กทม.สั่งห้ามใช้อาคาร
ทั้งเพิกถอนใบอนุญาต
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง-เด้ง “ผกก.-รอง ผกก. สืบสวน” สน. มักกะสัน เซ่นปมทลายผับหรูถนนเพชรบุรี เปิดให้นักท่องเที่ยวจีนมั่วสุมเสพยา ขณะที่ ผอ.เขตห้วยขวาง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการเมรีอาบอบนวด 5 ปีพร้อมจะแจ้งความดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้านตำรวจเตรียมฝากขัง 54 ผู้ต้องหา ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (ดส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำกำลังเข้าตรวจค้น “ไดมอนด์ เคทีวี” สถานบันเทิงที่เช่าสถานที่ภายใน “เมรี อาบอบนวด” ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบนักเที่ยวชาวต่างชาติ มั่วสุมเสพยาเสพติดรวม 53 ราย และนักท่องเที่ยวชาวไทยพกพาอาวุธปืนอีก 1 ราย รวม 54 ราย พร้อมยึดของกลางเป็นยาเสพติดหลายประเภทเช่น ไอซ์ เค แฮปปี้วอเตอร์ และอุปกรณ์การเสพ หลายรายการ นั้น
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตห้วยขวาง พร้อม พ.ต.ต.ณรงค์เดช บุตรน้ำเพชร สารวัตรป้องกันและปราบปราม(สวป.) สน.มักกะสัน นำประกาศเพิกถอนใบอนุญาตและห้ามใช้อาคาร เป็นเวลา 5 ปี ไปติดประกาศบริเวณด้านหน้าอาคาร รวมทั้งประตูทางเข้าอาบอบนวด และมีการนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ติดบริเวณประตูทางเข้า
นายไพฑูรย์ เปิดเผยว่า สถานบริการเมรีอาบอบนวด จดทะเบียนในนามนิติบุคคลไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่ในกรณีสถานบันเทิงที่ถูกตรวจค้น มีการส่งตัวแทนเข้ามาดำเนินการขอใบอนุญาตสถานบันเทิง แต่จากการตรวจสอบสถานที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตห้วยขวาง พบว่าไม่มีความพร้อม และไม่ถูกลักษณะ จึงไม่อนุญาตให้เปิดและได้แนะนำให้ดำเนินการแก้ไขปรับให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ เช่น บันไดหนีไฟ ทางเข้าอาคารต้องแยกออกจากอาบอบนวด สถานที่รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ แต่หลังจากนั้นก็หายไป ก่อนเมื่อวานจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและพบของกลางดังกล่าว ดังนั้น เมื่อพบการกระทำผิด ทางสำนักงานเขตจึงต้องดำเนินการลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
“ถามว่าเหตุใดอาบอบนวดถึงต้องปิดกิจการด้วย เนื่องจากกฎหมายประกาศไว้อย่างชัดเจน สถานบันเทิงอยู่ในพื้นที่ของอาบอบนวด มีการใช้อาคารและประตูทางเข้าออกเดียวกัน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเปิดกิจการของสถานบันเทิง อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด จึงต้องใช้คำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 เพิกถอนใบอนุญาต ประกอบกิจการประเภทอาบอบนวดและห้ามใช้สถานที่ เป็นเวลา 5 ปี พร้อมจะแจ้งความดำเนินคดีกับสถานบันเทิง ฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท” นายไพฑูรย์ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สน.มักกะสัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมทั้งหมด 53 คน ควบคุมตัวฝากขังไว้ที่ สน.ดินแดง 18 คน สน.ห้วยขวาง 11 คน สน.มักกะสัน 24 คน โดยมีคนไทย 1 คน ที่เป็นนักท่องเที่ยว จากตรวจสอบพบว่าได้พกพาอาวุธปืนมาเที่ยว พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหา พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ได้มีการนำตัวผู้จัดการร้านที่เป็นชาวจีนมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาเจ้าของร้านที่แท้จริงว่าเป็นใคร และจะนำตัวผู้จัดการร้านไปค้นบ้านพัก ก่อนที่จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด
ทั้งนี้ จะมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 54 ราย ไปฝากขังในวันที่ 4 มิถุนายน โดยแยกเป็นผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน จำนวน 53 ราย และผู้ต้องหาคนไทยอีก 1 คน ฐานพกพาอาวุธปืน และความผิดอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ได้เคลื่อนย้ายของรถยนต์กลางที่จอดอยู่ภายในบริเวณลานจอดรถของอาบอบนวดรวม 6 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 7 คัน มาตรวจสอบที่ สน.มักกะสัน
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้มีคำสั่งออกมา 2 ฉบับ โดยฉบับแรก เป็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงว่า ตำรวจ สน.มักกะสัน มีส่วนเกี่ยวข้องกับหรือผัวพันกับแหล่งอบายมุขดังกล่าว หรือ เรียกรับผลประโยชน์จากแหล่งอบายมุข หรือปล่อยปะละเลยไม่สนใจ ทำให้มีอบายมุขเกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในการประชุมบริหารของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อ 25 เมษายน และ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กำชับทุกหน่วยในสังกัดให้กวดขันเรื่องบ่อนการพนันในพื้นที่ และยังกำชับให้เข้าไปตรวจสอบสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาแล้ว แต่การปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือไม่ อย่างไร
โดยในคำสั่งดังกล่าวได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ รอง ผบก.น.1 เป็นประธาน และให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพบว่ามีความบกพร่องหรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัยทันที
ส่วนคำสั่งที่ 2 เป็นคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยราชการ พ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผู้ผกก.สน.มักกะสัน และพ.ต.ท.ปุณชรัสมิ์ โชติรอง ผกก.สืบสวน สน.มักกะสัน ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ โดยคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2566 ลงชื่อ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1