"อัจฉริยะ"จี้ตรวจสอบขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อน แฉมีข้าราชการระดับสูงบางคนในกรมสรรพสามิตอยู่เบื้องหลัง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 มิ.ย.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รักษาราชการแทน ผบก.ทล.ให้เร่งขยายผลตรวจสอบเครือข่ายการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนที่เพิ่งมีการจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก่อนหน้านี้ หลังพบมีบุคคลแอบอ้างตัวเป็นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพสามิต โทรศัพท์เจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อขอไม่ให้จับกุมรถคันดังกล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนได้รับหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งซึ่งหลักฐานที่ว่าเป็นบันทึกเสียงการสนทนา กับคนๆ หนึ่งที่เป็นคนสนิทของข้าราชการคนดังกล่าว โดยเรื่องนี้เริ่มจากรถคันดังกล่าวมีการสำแดงเท็จ ซึ่งรถคันดังกล่าวเป็นของ "เจ้ ม." ลักลอบขนน้ำมันเข้ามาจากมาเลเซียจำนวน 4 หมื่นลิตร ผ่านด่านที่จังหวัดสงขลา โดยมี "เจ๊ อ." ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเครือข่ายลักลอบขนส่งน้ำมันเถื่อนเป็นผู้อำนวยความสะดวก รถคันดังกล่าวมีจุดหมายปลายทางต้องไปส่งน้ำมันให้ "เจ๊ บ." ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่ง เจ๊ บ.นี่คือคนสนิทของข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งในกรมสรรพสามิต
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุรถคันดังกล่าวมีการสำแดงเท็จว่าขนส่งน้ำมันดำไม่มีคุณภาพ แต่จริงแล้วเป็นน้ำมันดีเซลที่ใส่คาร์บอน 40 เปอร์เซนต์ เพื่อให้เป็นสีดำ เมื่อขับรถมาเรื่อยๆ คาร์บอนจะทำปฏิกิริยาตกตะกอน ทำให้น้ำมันที่มีสีดำกลับมาใสเหมือนเดิม เมื่อตำรวจทางหลวงเข้าจับกุมและพบความผิดปกติ แต่ตำรวจทางหลวงไม่มีความรู้เรื่องน้ำมัน จึงได้เชิญสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมเข้าตรวจสอบ
เมื่อข้าราชการระดับสูงคนดังกล่าวรู้ว่ารถถูกจับกุมจึงได้โทรหา ผอ.คนหนึ่ง ซึ่งเป็น ผอ.อยู่ในส่วนกลางให้โทรไปเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่ชุดที่สรรพสามิตพื้นที่บอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะหน่วยที่จับกุมคือตำรวจทางหลวง ผอ.คนดังกล่าวจึงได้โทรหาตำรวจทางหลวงชุดจับกุม แต่ก็ไม่สามารถเคลียร์ได้จึงถูกจับกุม และต้องเก็บตัวอย่างน้ำมันส่งตรวจตามกระบวนการ หลังจากนั้นการจับกุมได้นำรถขนน้ำมันคันดังกล่าวไปไว้ที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ปรากฎว่าล่าสุดรถคันดังกล่าวได้หายไปแล้ว ตนได้มีการประสานไปยังอธิบดีกรมสรรพสามิตให้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับ "เจ๊ บ." นั้น อยู่ในเครือข่ายลักลอบการขนน้ำมันเถือนมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ทำน้ำมันเถื่อนอยู่กับอดีตตำรวจน้ำคนหนึ่ง จากนั้นมีปัญหากันจึงได้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพสามิตดังกล่าว โดย "เจ๊ บ." จะมีผู้ร่วมกระบวนการเป็น "เจ๊ อ." ผู้ที่ร่วมทำน้ำมันเถื่อนที่จังหวัดสงสขลา โดยการขนน้ำมันในลักษณะนี้มีเกือบทุกคืน และน้ำมันจำนวนดังกล่าวมาถึงที่จังหวัดปทุมธานีก็จะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองคาร์บอนและนำน้ำมันไปขายให้กับรถบรรทุก และอุตสาหกรรมอื่นๆ หรือปั๊มหลอดในพื้นที่ภาคกลาง เช่น สุพรรณบุรี และสระบุรี
ส่วน ผอ.คนดังกล่าวกับข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพสามิตนั้นมีความสนิทสนมกัน เพราะทั้งคู่เคยดูแลพื้นที่ทางภาคใต้มาก่อน โดย ผอ.คนดังกล่าวเปรียบเสมือนมือขวาทำหน้าที่เก็บส่วยทั้งน้ำมัน เหล้า บุหรี่ทั้งหมดในพื้นที่ภาคใต้
“ขบวนการนี้เป็นขบวนการใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนและกระทำการอย่างไม่เกรงกลัว ขนาดทางหลวงมีการเข้มงวดกวดขันสูง หลังมีข่าวส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก เครือข่ายนี้ก็ยังกล้าลักลอบขนน้ำมันกว่า 4 หมื่นลิตรเข้ามาได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย” นายอัจฉริยะ กล่าว