ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราขการจังหวัดนครพนม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 3/2566 เดิมทีมีวาระหารือ 4 หัวข้อ แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขอเพิ่มเป็น 7 หัวข้อ โดยเฉพาะเรื่องการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนฯ นายวันชัย เปิดเผยว่า ได้ร่วมเป็นประธานกับอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่อจังหวัดฯ โดยให้ทางนางสาววันเพ็ญ ขจรกลิ่น ขนส่งจังหวัดนครพนม เป็นผู้รายงานโครงการดังกล่าว
นางสาววันเพ็ญ ขจรกลิ่น เปิดเผยว่า ที่มาของโครงการ สืบเนื่องเมื่อต้นปี 2562 ครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการ และวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 66 ได้คัดเลือกบริษัทสินธนโชติ เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุด โดยจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ตามเงื่อนไขของเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนในนามบริษัทเอสเอซีแอล (SACL) เพื่อเข้าดำเนินการ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น เชื่อมต่อโครงการรถไฟรางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนม และรองรับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทาง R 12 (ไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน) พร้อมยังเป็นศูนย์รวบรวมการกระจายสินค้า โดยให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (one stop sevice) บนเนื้อที่ 121 ไร่เศษ อยู่ใกล้ด่านพนมแดนนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนค่าขนส่ง เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม ป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ และลดอุบัติเหตุ
นายธนพัต ทีฆธนานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ถือเป็นปัจจัยบวกที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจใจพื้นที่ได้ดี แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทางบริษัทสินธนโชติ ผู้รับประมูล ถ้าได้มานครพนมเพื่อพบปะผู้ประกอบด้านนี้โดยตรงก็จะเป็นคู่ค้าที่ดี เพื่อให้ทางภาคเอกชนต้องเตรียมตัวว่าทำหรือต้องรับมืออย่างไร
นายมงคล ตันสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ช่วงสัปดาห์ที่แล้วในโซเซียลมีการแชร์ข่าว ว่า ทางการลาวจะเปลี่ยนสกุลเงินกีบ มาเป็นสกุลเงินหยวนของจีน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้น โดยทาง สปป.ลาว เปิดรับสกุลเงินหยวนมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่จะใช้ในบริษัทชาวจีนที่มาลงทุนในลาว โดยใช้สกุลเงินหยวนระหว่างคนจีนด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศลาว จะหันมาใช้เงินหยวนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตามเงินบาทไทยยังเป็นที่ต้องการของพี่น้องชาวลาว ในการทำมาค้าขายตามแนวชายแดนไทยลาวมากที่สุด
ส่วนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ นายมงคลเปิดเผยต่อว่า การขนถ่ายสินค้าในประเทศลาวมีข้อจำกัด ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในเรื่องการเตรียมสินค้าที่จะส่งข้ามไป เพราะปัจจุบันนี้ค่าใช้จ่ายรถไฟฟ้าแพงกว่าใช้รถยนต์ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากค่าขนส่งสินค้าจากจีนเข้ามาในลาวเยอะ และสินค้าที่ลาวที่ส่งกลับไปจีนก็เยอะเช่นเดียวกัน
"เขาไม่ได้แคร์สินค้าของไทย ฉะนั้นจีนจึงยังไม่สนใจที่จะเชื่อมโยงรถไฟมาถึงไทย ที่จะเอาผลผลิตจากเราไป ยกเว้นอย่างเดียวคือทุเรียน ที่มีตัวเลขผ่านด่านพรมแดนนครพนมมากที่สุด" นายมงคล ตันสุวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก มีการพัฒนาสถานีขนส่งตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์กระทรวงคมนาคม ซึ่งจะมีแผนการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าหรือ ทรัค เทอร์มินัล (TRUCK TERMINAL) โดยศูนย์การขนส่งชายแดนนครพนมแห่งนี้ ตั้งอยู่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ รวมทั้งยังรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง ระหว่างทางถนนกับทางราง ผ่านรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม และด้วยระยะทางที่จังหวัดนครพนมเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศมีระยะทางที่ใกล้มาก ถึงเวียดนามเพียง 170 กิโลเมตร และอีกประมาณ 700 กิโลเมตร ก็ถึงเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างซีของจีน ที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ ทำให้ที่ผ่านมามีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสูงมาก และเชื่อว่าในปี 2566 จะมีมูลค่าทะลุแสนล้านบาทอย่างแน่นอน และต่อไปในอนาคตคงจะมีมูลค่าเป็นหลักหลายแสนล้านบาท ซึ่งสินค้าที่ผ่านเส้นทางนี้หลัก ๆ จะเป็นสินค้าทางการเกษตร และสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยเป็นโครงการภายใต้แผนพระราชบัญญัติเอกชนร่วมลงทุนจะแล้วเสร็จในปี 2568 เป็นโครงการที่รัฐไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท เป็นเอกชนลงทุนโครงสร้าง 300 กว่าล้านในการสร้างคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงเครื่องมือยกขนต่าง ๆ ที่เหลือรัฐช่วยลงทุนให้ในเรื่องของการเวนคืนที่ดินจำนวน 121 ไร่ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเอกชนได้สิทธิ์ร่วมลงทุนสัมปทาน 30 ปี มีหน้าที่บริหารจัดการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์และการบำรุงรักษาโครงการตลอดระยะเวลาร่วมลงทุน ซึ่งจะต้องลงทุนในส่วนนี้เพิ่มอีกประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท ทั้งยังต้องจ่ายผลตอบแทนคืนให้แก่รัฐประมาณ 300 ล้านบาทตลอดเวลาสัมปทาน
ซึ่งได้บริษัทเอกชนที่มีศักยภาพมาร่วมลงทุน มาช่วยในการบริหารจัดการ จึงเชื่อว่าศูนย์ตรงนี้จะเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าที่ทำให้มูลค้าทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางรถไฟสายบ้านไผ่-นครพนม ก็จะมายังศูนย์แห่งนี้ โดยปัจจุบันโครงการรถไฟมีการเวนคืนที่ดินและเริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าปี 2570 จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะสอดรับกับศูนย์แห่งนี้ที่แล้วเสร็จในปี 2568 ทำให้ต่อไปในอนาคตสินค้าระยะไกลจะผ่านรถไฟเป็นหลักและระยะใกล้ใช้รถบรรทุกกระจายสินค้าออกไป จึงทำให้เชื่อได้ว่าจังหวัดนครพนมจะเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นศูนย์กลางทางโลจิสติกส์อีสานตอนบนอย่างแน่นอน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี