อุตสาหกรรมแม่ฮ่องสอน ยันพื้นที่แม่สะเรียง ตั้งโรงโม่หินไม่ได้ ชี้ชาวบ้านอย่าเพิ่งตระหนก อ้างมีคนให้ข้อมูลผิด เครือข่ายชาวบ้านเตรียมบุกทวงคำตอบภายใน 30 วัน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ความคืบหน้ากรณีที่ประชาชนในอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน รวมตัวกันต่อต้านการประทานบัตรเหมืองหินและเหมืองแร่ ภายหลังจากที่สำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน ติดประกาศว่าทางบริษัท เชียงใหม่โรงโม่หิน จำกัด ได้ทำการขอประทานบัตรในพื้นที่ หมู่ 3 ต.แม่สะเรียง และ หมู่ 13 ต.บ้านกาศ
ล่าสุดนายพัทธพงษ์ อ่างทอง วิศวกรชำนาญการประจำสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้มาจากการที่ทางสำนักงานฯประกาศเรื่องผู้มาขอประทานบัตรตรวจสอบที่ดิน เพื่อต้องการให้ทราบว่าเดิมที่ดินตรงนี้เป็นแหล่งหินประมาณ 600 ไร่ บริษัทฯ มาขอใหม่ต่อกรมอุตสาหกรรม โดยมีการรังวัดได้ 132 ไร่ จึงประกาศให้ประชาชนรับทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวกระทบใครหรือไม่ ถ้าภายใน 30 วันไม่กระทบสิทธิในที่ดินทำกินจึงจะนำเข้าสู่กระบวนการให้ขาวบ้านร่วมพิจารณา
“ประกาศเพื่อให้ประชาชนรับทราบว่ากระทบกับสิทธิในที่ดินทำกินหรือไม่ ยังไม่ใช่ขั้นตอนการพิจารณา ตรงนี้ทำให้ชาวบ้านอาจเข้าใจผิด กระบวนการหลัง 30 วันคือการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 56 วรรค 2 ของกฎหมายแร่ซึ่งในขั้นตอนตัดสิน ตัวชาวบ้านมีอำนาจและสิทธิที่อยู่ในพื้นที่ อำนาจอยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนตัดสินใจบอกว่าไม่เอา บริษัทก็เข้ามาขอประทานบัตรไม่ได้ ทุกอำนาจการตัดสินใจสิทธิในการให้เขามาทำหรือไม่ อยู่ที่ประชาชน ไม่ต้องตื่นตระหนกเลย”นายพัทธพงษ์ กล่าว
วิศวกรชำนาญการประจำสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวอีกว่า มีการให้ข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆจากคนที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจและไม่อยากให้เกิดการทำเหมือง
“โรงโม่หินนั่นเป็นชื่อบริษัท ไม่ใช่กระบวนการทำโม่หิน บริษัทอาจจะเอาสินแร่ขึ้นมาแล้วเอาไปทำที่อื่น ถ้าจะทำที่ อ.แม่สะเรียง กระบวนการขอทำโรงโม่ก็ต้องใช้กฎหมายคนละตัว หรือแม้แต่มีวัตถุดิบแล้ว ประชาชนต้องมีส่วนในการพิจารณาใหม่อีกที เอาจริงๆคือ 132 ไร่นี้ ไม่สามารถตั้งโรงโม่หินได้ด้วยกฎหมายผังเมืองรวมปี 2560 ห้ามตั้งโรงโม่หิน ผังเมืองรวมจังหวัด ถ้าเป็นสีเขียวเกษตรกรรมต้องเอาที่ผืนนั้นมาออก นอกเสียจากว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลสูงมากเข้าไปแก้กฎหมายเลย ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องกลับมาที่เดิมคือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอีกครั้ง” นายพัทธพงษ์ กล่าว
นายพัทธพงษ์ กล่าวว่าสถานการณ์การขอประทานบัตรในพื้นที่ อ.แม่สะเรียงมี 3 ประเด็น คือ1.วันนี้เรื่องออกประทานบัตรต้องผ่านกฎหมายแร่ก่อน 2.ถ้าทำโรงโม่ต้องรับความเห็นจากประชาชนเรื่องผังเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย 3.ถ้ามีอิทธิพลเปลี่ยนผังเมืองได้ ก็ต้องรับฟังเสียงจากประชาชนต้องให้ประชาชนยอมรับ
“ถ้าบริษัทจะได้ประทานบัตร ก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ฟังเสียงชาวบ้าน ในอนาคตลูกหลานจะได้มีงานทำในพื้นที่ เศรษฐกิจของชาวแม่สะเรียงก็จะดี” นายพัทธพงษ์ กล่าว
ด้านนายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวินกล่าวว่า หลังจากภาคประชาชนยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านการทำเหมืองผ่านนายอำเภอไปยังสำนักงานอุตสาหกรรม จ.แม่ฮ่องสอน และผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน แล้ว วันนี้เหมือนกับว่าบริษัทพยายามชี้แจงว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนแค่ให้ผู้ที่มีที่ดินทำกินไปแสดงตน
“ประเด็นของเราคือคัดค้านไม่ให้เหมืองเกิดขึ้น เราพยายามติดตามหนังสือจากอุตสาหกรรมจังหวัด ที่บอกว่า อ.แม่สะเรียง ไม่สามารถทำโรงโม่หินได้นั้น จริงๆแล้ว พื้นที่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ทำไม่ได้สักที่ อยากให้ยกเลิกโดยเฉพาะพื้นที่ อ.แม่สะเรียงตรงนั้นมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และเป็นต้นน้ำ ชาวบ้านเอานำมาทำประปาชุมชนด้วย หลังครบ 30 วัน ถ้าเขายังไม่มีคำตอบ เราก็ต้องเดินทางต่อไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพื่อตามหนังสือที่เราได้ยื่นไป” นายสะท้าน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี