โกงหมื่นล้านบาท
ตม.จับ 9 คนแก๊งจีน
หนีคดีกบดานไทย
หลอกให้ลงทุนหุ้น
ตม.เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง“มังกรซ่อนกาย” จับ 9 คนใน“แก๊งจีน”หนีคดีกบดานไทย หลอกลงทุนหุ้น ยอดเงินเสียหายกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ตำรวจสืบสวนฯผนึกชุด PCT 5 แกะรอยรวบ “อาฟู่”ล่ามภาษาจีนมือขวาหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามแดน ไปกัมพูชา ตุ๋นเหยื่อลงทุนคริปโตฯสูญ 16 ล้าน
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.พร้อมคณะ แถลงจับกุมผู้ต้องหาสำคัญ 9 ราย ภายหลังเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน 9 ราย หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ช่วยติดตามจับกุมและส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ต่อมา ทาง บช.สตม.จึงเร่งตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ พบข้อมูลว่ามีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด 7 ราย และการอนุญาตสิ้นสุด 2 ราย ก่อนเปิดปฏิบัติการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 9 คน แบ่งเป็น1.ข้อหาฉ้อโกง ประกอบด้วย นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 ปี นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 ปี และนางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ทั้งหมดสัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร มีพฤติการณ์ร่วมกับพวก พัฒนาเว็บไซต์เอซีอี โปรโมทผลิตภัณฑ์หุ้น ACE King อ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง ดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้งทำโปรโมชั่นต่างๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน หรือ ประมาณ 11,500 ล้านบาท
2.ข้อหาฉ้อโกงสัญญา ประกอบด้วย นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และนายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด โดยทั้งสองมีพฤติการณ์ใช้บริษัทแห่งหนึ่งหลอกลวงผู้เสียหายทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai แต่เมื่อผู้เสียหายจ่ายเงินค่าสินค้าแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้า รวมมูลค่าเสียหาย 6.75 ล้านหยวน หรือประมาณ 33.7 ล้านบาท เหตุเกิดระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565
3.ข้อหาฟอกเงิน ประกอบด้วย นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี เนื่องจากนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงิน และนายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี มีพฤติการณ์คือได้ทรัพย์สินจากการฉ้อโกงผู้อื่น ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกง เข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อฟอกเงิน โดยทั้งสองถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
4.ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว คือนายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี เนื่องจากตั้งแต่ปี 2564-2565 ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management Co., LTD.ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน หรือประมาณ 75 ล้านบาท ซึ่งถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และ 5.ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย คือนายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี มีพฤติการณ์ร่วมกับพวก แสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยพัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 7 ราย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เพื่อรอผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ได้นำส่งให้พนักงานสอบสวนรับไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้า PCT ชุดที่ 5 นำกำลังจับกุม นายสุรชัย หรืออาฟู่ แซ่จาง อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงินฯ จับกุมได้ที่หน้าหอพักคนงาน พื้นที่ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าเมื่อประมาณปี 2564 นายสุรชัย พร้อมกับนายสุรจิต น้องชาย ได้สมัครงานผ่านเฟซบุ๊กเพื่อไปเป็นล่ามแปลภาษา จีน-ไทย ที่สีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยได้ค่าตอบแทนประมาณ 30,000-40,000 บาท เมื่อเดินทางไปแล้วกลับถูกพาให้ไปทำงานที่เกาะกง โดยเป็นล่ามภาษาจีนให้หัวหน้าที่เป็นชาวจีน ไม่ทราบชื่อจริง แต่มีพนักงานเรียกว่าหยู่เกอ โดยทราบว่ามีคนไทยที่ไปทำงาน จะเป็นงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่ ที่นายหยู่เกอ เป็นผู้สร้างแอพพลิเคชั่นปลอม หลังจากทำงานได้ 6 เดือน จึงหลบหนีกลับประเทศไทย ก่อนจะถูกจับกุม
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวถึงแผนประทุษกรรมของแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้ จะเริ่มเปิดปฏิบัติการโดยใช้โปรแกรมสร้างแพลตฟอร์มปลอมชื่อว่า “surlars-pro.com” และ “biteeb.com” เพื่อหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ จากนั้นนายหยู่เกอ จะให้ผู้ต้องหาและน้องชาย ทำหน้าที่ล่ามในการแปล ถอดคำพูดและวิธีการสอนให้พนักงานที่มาทำงาน สร้างโปรไฟล์หนุ่มหล่อ สาวสวยหน้าตาดี ทางแอพพลิเคชั่น ผ่านทางกูเกิ้ลหรือโปรแกรมมาริโอ้ ที่สร้างไว้โดยเฉพาะ เช่น twitter 10-40 บัญชี และ Instagram กับ Facebook ติดต่อพูดคุย ตีสนิท ทักทายทำความรู้จักเหยื่อ ให้รับเป็นเพื่อน
จากนั้น จะมีข้อความตอบกลับอัตโนมัติ ลักษณะทักทาย จนเหยื่อเริ่มสนนทนาโต้ตอบ แล้วกลุ่มมิจฉาชีพจึงเริ่มใช้จิตวิทยาและประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากนายหยู่เกอ สอบถามข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งวอทส์แอพพ์ (WhatsApp) หากเหยื่อรายใดเริ่มมีความคุ้นเคย จะถามถึงสภาพคล่องทางการเงิน รายรับ-รายจ่าย จนกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้ สามารถวิเคราะห์และประเมินได้ว่า เหยื่อมีรายได้และมีความสามารถในการลงทุน คนร้ายจะชักชวนเหยื่อร่วมลงทุน โดยให้เหยื่อดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม bitkub, M.omxmax, Binace และ Letraders พร้อมทั้งสอนวิธีการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลคริปโตเป็น USDT, LTC, GLOE, BTC, ETH, WPE แนะนำเชิญชวนให้ลงทุนโอนเงินดอลลาร์และจะให้เห็นว่าลงทุนแล้วได้กำไรและถอนเงินได้จริง เปลี่ยนให้เป็นเงิน USDT
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวต่อว่า เมื่อเหยื่อลงทุนแล้ว จะให้โอนเงิน USDT เข้าไปในแพลตฟอร์มชื่อ“surlars-pro.com”และ“biteeb.com”ที่สร้างขึ้นปลอม เพื่อให้ลงทุนเพิ่ม โดยนายหยู่เกอ จะหลอกลวงโดยสร้างกราฟปลอมแสดงกราฟขาขึ้น ให้เหยื่อเห็นยอดเงินกำไร หากเหยื่อจะถอนเงินก็จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมอ้างว่าจ่ายเป็นภาษี หากไม่ชำระภายในกำหนดก็ไม่สามารถจะถอนเงินได้ จึงเป็นการหลอกผู้เสียหายซ้ำไปซ้ำมา จนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากกว่า 16 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี