สปภ.เผยแผนพัฒนางานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าถึงเหตุใน 8 นาที เล็งเพิ่ม! สถานีดับเพลิงใหม่ 6 แห่งงบปี’66 พร้อมขอเพิ่มอัตรากำลัง เสนอแนวทางเยียวยา-แก้ปัญหาจนท.ดับเพลิงขาด
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กล่าวถึงแผนการเพิ่มสถานีดับเพลิงของกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมพื้นที่ในการดูแลและเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ทันเหตุการณ์ว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีสถานีดับเพลิงหลัก จำนวน 41 สถานี และสถานีดับเพลิงทางน้ำ2 สถานี โดย สปภ.มีแผนเพิ่มสถานีดับเพลิงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะโซนตะวันออก ในเขตหนองจอก ลาดกระบัง ประเวศ เป็นต้น เบื้องต้น ในแผนจะต้องเพิ่มอีก 22 สถานี เพื่อให้สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้เป็นไปตามมาตรฐาน 8 นาทีซึ่งจะต้องมีกำลังคนที่เพิ่มขึ้นด้วย เมื่อเพิ่มสถานีได้แล้วก็จะมีปัญหาขาดกำลังคนที่จะต้องเร่งแก้ไข อยู่ระหว่างขอเพิ่มกรอบอัตราลูกจ้างกับทาง ก.ก. โดยในแผนปีงบประมาณ 2566 จะเพิ่มสถานีดับเพลิงแห่งใหม่ จำนวน 6 สถานี
ส่วนสถานีดับเพลิงทางน้ำมีแผนขยายเพิ่มอีก 4 สถานีคือที่ ตลาดยอดพิมาน, ราษฎร์บูรณะ ซอย 1, ท่าเรือคลองเตยและวัดสร้อยทอง รวมสถานีเดิม 2 สถานี คือสถานีดับเพลิงสามเสน และสถานีดังเพลิงบวรมงคล รวมเป็น 6 สถานี จะดูแลครอบคลุมลำน้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด รวมถึงในคลองเปรมประชากรซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้เพิ่มสถานีดับเพลิงด้วย
อีกส่วนคือ การปรับปรุงกายภาพสถานีเดิม โดย 35 สถานีเดิมที่โอนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอาคารเก่าอายุกว่า 60 ปี สภาพตัวอาคารชำรุดทรุดโทรมได้วางแผนทุบทิ้งสร้างใหม่ จำนวน 32 สถานี มีที่สภาพดีสามารถใช้งานได้ 3 สถานี คือ สถานีฯคลองเตย, ยานนาวา และธนบุรี โดยสถานีที่ต้องปรับปรุงอยู่ระหว่างสำนักการโยธาออกแบบ บางส่วนติดปัญหาเรื่องโฉนดที่ดินที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่โอนให้ กทม.
“การที่จะเพิ่มหรือไม่เพิ่มสถานีในพื้นที่เขตไหนนั้น องค์ประกอบอยู่ที่ เวลาเข้าถึงที่เกิดเหตุซึ่งสปภ.กำหนดให้การเข้าถึงที่เกิดเหตุรวดเร็วที่สุดและเป็นไปตามมาตรฐาน 8 นาที ดังนั้นใน 1 เขตไม่ใช่ว่าจะมีเพียง1 สถานี เช่น พื้นที่หนองจอกมี 300 กว่าตร.กม. หากมีแค่ 1 สถานีก็จะไม่สามารถเข้าระงับเหตุได้ทัน และแผนอนาคตจะพยายามพัฒนาให้เข้าถึงที่เกิดเหตุได้ใน 6 นาที ซึ่งจะต้องเพิ่มสถานีดับเพลิงอีกร่วม 40 สถานี จากปัจจุบัน กทม.มี 41 สถานี แต่ปัญหาคือเรื่องของงบประมาณ ซี่งผู้ว่าฯกทม.ก็ให้การสนับสนุน แต่ปัญหาสำคัญคือการจัดหาที่ดินในการสร้างสถานีดับเพลิงแห่งใหม่ที่ยาก” ผอ.สปภ. กล่าว
ส่วนปัญหากรณีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงร้องเรียน กทม.ไม่มีมาตรฐานเรื่องเวลาการปฏิบัติงานและไม่ได้อิงกฎหมายของกทม.นั้น กรุงเทพมหานครมีความเข้าใจและเห็นใจเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ต้องปฏิบัติงานอย่างหนัก และอาจมากกว่าข้าราชการอื่น แต่ด้วยภารกิจหน้าที่และความรับผิดชอบของ สปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจต่างจากส่วนราชการอื่น ที่จะต้องปฏิบัติงานดูแลประชาชนด้านสาธารณภัยสลับหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์วันและเวลาการเกิดเหตุได้ โดย สปภ.ได้กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ชัดเจนและได้เวียนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติแล้วตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการมาตรฐานการปฏิบัติงานและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยการกำหนดเวลาการปฏิบัติงานต้องยึดโยงและสอดคล้องกับมาตรฐานความจำเป็นขั้นพื้นฐานของอัตรากำลังที่ต้องออกปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลา คือ ต้องมีกำลัง 18-20 นาย (แบ่งตามภารกิจ)ไม่สามารถพิจารณาจากส่วนหนึ่งส่วนใดได้และปัจจุบันแต่ละสถานีดับเพลิงมีอัตรากำลังเต็มเพียง 40 นาย จึงแบ่งเป็นชุดได้เพียง 2 ชุด ชุดละ 20 นาย ทำให้เมื่อนำอัตรากำลังคนมาพิจารณาร่วมกับมาตรฐานฯ จึงต้องปฏิบัติงานกะละ24 ชั่วโมง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทั้งนี้ ผู้บริหาร สปภ.ได้เสนอผู้บริหาร กทม.ถึงแนวทางการเยียวยาและทดแทนความเสียสละของเจ้าหน้าที่โดยกำหนดแนวทาง ดังนี้ 1.เพิ่มสวัสดิการเป็นค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการในส่วนที่ปฏิบัติงานเกินกว่าปกติ 2.นำแนวทางการจ้างบุคคลภายนอกมาแบ่งเบาภาระในภารกิจรอง เช่น งานการบริการประชาชน งานช่วยบัญชาการประจำสถานีดับเพลิง เป็นต้น ซึ่งได้นำร่องใน 4 สถานีใหม่ที่จัดตั้งไปแล้ว และจะได้ศึกษาเพื่อต่อยอดในสถานีอื่นๆ ต่อไป และ 3.ออกแบบการปฏิบัติงานเพื่อให้มีเวลาและวันทำงานใกล้เคียงกับข้าราชการอื่นมากที่สุด ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ในสังกัด สปภ. อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติงานและพร้อมทุ่มเทเสียสละแรงกายแรงใจ เพื่อดูแลประชาชนในกรุงเทพฯ อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ส่วนผู้บริหารทั้งใน สปภ. และ กทม.ก็มีความพยายามที่จะแก้ไข ดูแล และเพิ่มเติมสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความสุขในการปฏิบัติงานมากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี