ปาณิสรา สมบูรณ์ (มีน) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จบการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนคณิต-อังกฤษ จากโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง และตัดสินใจเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยเหตุผลที่สำคัญเพียงหนึ่งข้อคือ ชอบทุกอย่างที่นี่ เธอเล่าว่า ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Open House ของหลายมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้ดูภาพรวมต่างๆ ทั้งสถานที่ บรรยากาศ และดูหลักสูตรที่คาบเกี่ยวแต่สุดท้ายก็เลือกที่ ม.รังสิต เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียง
“มหาวิทยาลัยนี้ให้ความสำคัญถึงสิ่งที่นักศึกษาจะได้รับ มีนค่อนข้างมั่นใจว่ามีนรู้สึกได้ค่ะ สถานที่ อุปกรณ์การเรียนก็ครบครันกิจกรรมก็มากมาย บรรยากาศการเรียนก็อบอุ่นเป็นกันเอง ส่วนตัวแล้วมีนมองว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องใกล้ตัว อย่างน้อยเราก็ต้องใช้ ต้องเรียนในวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถม มัธยม ยิ่งโตขึ้นการเล่น Social Media การสื่อสารต่างๆ ก็มีภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย
เมื่อได้มาลงเรียน ก็รู้เลยว่ามีวิชาที่ต้องเรียนลงลึกไปอีกหลายแขนง ทั้งการพูดการเขียนเชิงวิชาการ หลักการแปล ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการโรงแรม การอ่านการเขียนเชิงธุรกิจ ภาษาอังกฤษเพื่ออุตสาหกรรมแฟชั่น ภาษาอังกฤษเพื่อการโฆษณา และอีกมากมายเลยค่ะ ยิ่งเรียนในชั้นปีที่สูงขึ้น ก็จะเป็นรายวิชาที่ลงลึกไปด้านการทำงานมากขึ้น อาจารย์ก็จะประยุกต์เนื้อหาการเรียนการสอนให้ตรงกับสถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมือง ปรับเนื้อหาเพื่อให้น่าสนใจ” เธอกล่าว
ปาณิสรา ขยายความเพิ่มเติมถึงคำว่า “หลักสูตรคาบเกี่ยว” ที่ได้กล่าวไปตอนแรก ว่า ได้ดูในหลายๆ คณะ โดยหากถามว่าทำไมไม่เรียนด้านใดด้านหนึ่งที่มีหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษไปเลย พอได้ดูรายละเอียดแล้วก็ตามรายวิชาที่ได้กล่าวมา ที่วิทยาลัยศิลปศาสตร์มีให้มีนได้ลองเรียนและเลือกเรียนว่าจริงๆ แล้วเราอยากไปทางสายวิชาชีพไหน นอกจากนี้ การได้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะและมหาวิทยาลัยก็ทำให้ได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อื่นๆ ด้วย ได้รู้จักเพื่อนต่างคณะ และได้มีรุ่นพี่รุ่นน้องที่น่ารักในคณะของตัวเอง
เธอเล่าต่อไปว่า เอาจริงๆ หลายอาคารในมหาวิทยาลัยที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นตึกศาลาดนตรี ตึกนันทนาการ ห้องออดิทอเรียมต่างๆ สวยและดีมากๆ คณะที่เธอเรียนนั้นก็มีห้องแล็บ ห้องอ่านหนังสือ ที่นักศึกษาสามารถใช้ได้ แล้วก็ยังมี Dream Space ด้วย เปิดให้นักศึกษาสามารถเข้าไปใช้ได้ 24 ชั่วโมงเลย เหมาะกับนักกิจกรรมอย่างมาก สามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ประชุม คิดงานกันได้ ซึ่งการได้ทำกิจกรรมระหว่างเรียนเรียกได้ว่าเป็นกำไร
“เราทำกิจกรรมกันแบบจริงจัง ยิ่งเมื่อเรารู้สึกอินกับคณะ กับเพื่อน กับอาจารย์ ที่นี่คือบ้านหลังที่สองเลยค่ะ เราเจอกันทุกวัน แต่ละวันก็มีหลากหลายอารมณ์ นี่ล่ะคือความทรงจำที่จะอยู่ไปนานแสนนาน คือมิตรภาพ เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ 4 ปี เมื่อเราเรียนจบไป ต่างคนต่างก็จะต้องไปดำเนินชีวิตของตัวเอง แต่มีนเชื่อว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จะยังคงเป็นเสมือนพี่น้องกันจริงๆ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ได้มาเจอกัน ได้คุยกัน เราก็จะต่อกันติดเสมอ”มีน ระบุ
ปาณิสรา ฝากข้อคิดในตอนท้าย ว่า ช่วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของเรา ชีวิตที่เป็นอิสระ ทั้งเรื่องการเรียน การแบ่งเวลา การเลือกคบเพื่อน สำหรับตนเองแล้วถ้าเราบริหารจัดการไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เราเสียเวลา เสียโอกาสอะไรไปมากมายก็ได้ ดังนั้น ถ้าถามว่าหลังจากเรียนจบไปแล้วจะได้เรียนรู้อะไรจากรั้วมหาวิทยาลัยบ้าง
คำตอบก็คือ ความรู้ มิตรภาพ ความทรงจำ และประสบการณ์!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี